ถามแพทย์

  • ผลข้างเคียงจากยาลดความดันโลหิตเกิดหลังจากกินยาฆ่าเชื้อ จะเกี่ยวกันไหม

  •  Mengp8
    สมาชิก

    ผมมีเรื่องขอคำปรึกษาคุณหมอถึงเรื่องผลข้างเคียงของยาลดความดันโลหิตที่ผมทานอยู่ตอนนี้ครับ

    ปัจจุบันผมอายุ 40 ปี มีโรคประจำตัวคือโรคความดันโลหิตสูง เคยเข้ารับการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกเมื่อประมาณ เดือน กรกฏาคม ปี 2556 โดยปกติผมทานยาลดความดันโลหิตจำนวน 3 ตัว ได้แก่

    รอบเช้า  Amlodipine 5 mg  1 เม็ด, Anapril 20 mg 1 เม็ด และ Prenolol (Atenolol) 100 mg 1 เม็ด

    รอบเย็น Amlodipine 5 mg  1 เม็ด

    ซึ่งผมทานตั้งแต่ปี 2558 และทานเรื่อยมาทุกวันเป็นปกติไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ

    กระทั่งเมื่อต้นเดือน กันยายน 2562 ที่ผ่านมา ผมมีอาการไอ เจ็บคอ จึงซื้อยา Roxtrocin 150 mg มาทานเอง โดยทานไป 1 เม็ด เนื่องจากเป็นยาก่อนอาหาร ผมจึงทานก่อนอาหารเช้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ท้องว่าง ปรากฏว่า หลังจากทานยาไปประมาณ 30 นาที ผมมีอาการวิงเวียน ใจสั่น มือและขามีอาการชาขึ้นมาโดยฉับพลัน ผมจึงรีบเดินไปทางโรงพยาบาล แพทย์ที่ห้องฉุกเฉินตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็เป็นปกติ ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดโดยการเจาะที่ปลายนิ้วก็เป็นปกติ (ไม่มีอาการน้ำตาลสูงหรือต่ำ) แพทย์ให้ผมนอนพักฟื้นถึงเวลาประมาณเที่ยง ผมจึงเดินทางกลับบริษัท และวันนั้นจนถึงเย็นผมมีอาการอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก

    แต่หลังจากช่วงนั้นที่ผมทานยา Roxtrocin ไป ประมาณช่วงกลางเดือนกันยายน 62 ผมเป็นหวัดมีอาการไอและเจ็บคอ จึงไปพบแพทย์และทานยา CAVUMOX (Amoxicillin) 1 g โดยผมทานครั้งละครึ่งเม็ด เช้ากับเย็น โดยผมทานอยู่ประมาณ 3-4 วันก็หายเจ็บคอจึงหยุดยา อีกทั้งผมมีอาการเจ็บที่ข้อเท้าหลังทานสัตว์ปีกไป แพทย์จึงให้ยา GOUTICHINE (COLCHICINE) 0.6 mg ผมทานอยู่ 2 วัน ก็หยุดทาน เพราะมีผลข้างเคียงทำให้ผมใจสั่น เหนื่อย เพลีย ประกอบกับไป X-Ray แล้วไม่พบว่ามีผลึกเก้าต์ โดยยาทั้ง 2 ตัวผมทานควบคู่กับยาความดันชุดเดิม (แต่ไม่ได้ทานพร้อมกัน เพียงแต่ทานในเวลาไล่่เลี่ยกัน)

    โดยในบางครั้งที่ผมทานยา CAVUMOX 1 g หรือ GOUTICHINE (COLCHICINE) 0.6 mg ผมจะมีอาการใจสั่น มือและเท้าชา คล้ายกับเมื่อตอนทาน Roxtrocin 150 mg ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยมีอาการข้างเคียงแบบนี้มาก่อนเลย

    กระทั่งเมื่อช่วงปลาย กันยายน 62 ปรากฏว่ายาความดันชุดเดิมที่ผมได้เคยทาน กลับมีผลข้างเคียงเกิดขึ้น (ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยมี) กล่าวคือ หลังจากทานยาไปแล้ว ผมจะมีอาการใจสั่น วิงเวียน และเมื่ออาการใจสั่นลดลง ผมกลับมีอาการอ่อนเพลีย โดยเฉพาะบริเวณต้นขาอ่อนแรงไม่ค่อยมีแรงเดิน อีกทั้งเวลาทำกิจกรรมแม้เพียงเล็กน้อย เช่น ตากผ้า พับผ้า กวาดบ้าน หรือแม้แต่เวลาพูด present งาน ผมกลับมีอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยเป็นอย่างมาก ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนผมไม่เคยมีอาการข้างเคียงเหล่านี้มาก่อนเลย

    กระทั่งช่วงต้นเดือน ตุลาคม 62 ผมทานยาชุดเดิม แต่ปรากฏว่าผมวิงเวียนอ่อนแรงทั้งวันจนต้องหยุดลางาน ผมจึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เล่าอาการดังกล่าวให้แพทย์ทราบ แพทย์จึงลดยา Prenolol (Atenolol) เหลือ 50 mg หลังจากทานยาความดันชุดเดิมไปแล้ว อาการอ่อนแรงยังมีอยู่ (แต่ไม่มากเท่ากับทาน Prenolol (Atenolol) ที่ 100 mg) ซึ่งอาการเหล่านี้ก็ยังเป็นอยู่มากระทั่งช่วงกลางเดือน ตุลาคม 62 นี้

    ผมจึงมีเรื่องรบกวนปรึกษาคุณหมอดังนี้ครับ

    1. เป็นไปได้ไหมครับที่ยา Roxtrocin มีผลต่อตับ ทำให้หลังจากผมทานยา Roxtrocin และเกิดอาการดังที่กล่าวไป ตับผมจึงมีผลต่อการทานยา CAVUMOX และ COLCHICINE หรือแม้กระทั่งยาลดความดันโลหิตของผมด้วย ทำให้จู่ ๆ ก็เกิดอาการข้างเคียงของยาลดความดันโลหิตขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดอาการข้างเคียงเลย ถ้าใช่ ผมควรไปโรงพยาบาลเพื่อขอตรวจการทำงานของตับใช่ไหมครับ

    2. ยังพอมีทางที่จะฟื้นฟูให้ผมกลับมาทานยาความดันโลหิตชุดเดิม โดยไม่ปรากฏผลข้างเคียงอีกไหมครับ 

    ขอบคุณครับ

                

    Mengp8  พญ.นรมน
    แพทย์

     สวัสดีค่ะคุณ Mengp8

    Roxtrocin  หรือชื่อสามัญว่า Roxithromycin เป็นยาฆ่าเชื้อที่กินเฉพาะช่วงสั้นๆเพื่อรักษาอาการติดเชื้อตามที่มีข้อบ่งชี้ 

    ผลข้างเคียงของตัวยานี้เองได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเสีย ท้องผูก ผื่นคัน แดง เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร อาหารไม่ย่อย รู้สึกไม่สบาย อ่อนเพลีย

    โดยยาฆ่าเชื้อตัวดังกล่าวอาจมีผลต่อระดับยาความดันโลหิต amlodipine ทำให้มีผลข้างเคียงจากยา amlodipine เช่นใจสั่น บวมน้ำ ความดันโลหิตตกได้

    ดังนั้นกรณีที่เล่ามา อาจจะเกิดจากมีการทำปฏิกิริยากันระหว่างยา ทำให้ผลข้างเคียงของยาความดันโลหิตเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน

    ตอนนี้แนะนำหยุดยาฆ่าเชื้อทุกชนิด หากไม่ได้มีอาการเจ็บคอแล้ว และสังเกตอาการว่าหลังจากหยุดยาฆ่าเชื้อแล้ว ยังมีผลข้างเคียงดังที่กล่าวมาอีกหรือไม่ และทุกครั้งก่อนจะรับประทานยาตัวใดๆควรปรึกษาแพทย์ที่ดูแลโดยตรงทุกครั้ง เพราะว่ามียาความดันโลหิตที่ใช้อยู่หลายชนิดที่อาจจะทำปฏิกิริยากับยาที่กินเข้าไปได้ค่ะ