ถามแพทย์

  • อายุ 22 ปี น้ำหนัก 66 กิโล สูง 172 เซน มีอาการปวดบริเวณเข่าขวาด้านใน บวม เเดง ร้อน ไม่มีไข้ ไปหาหมอแล้วไม่ดีขึ้น ควรทำอย่างไร

  •  Kulpalee Rodjem
    สมาชิก
    อยากรบกวนสอบถามหน่อยค่ะ ดิฉันอายุ 22 ปี น้ำหนัก 66 กก. สูง 172 ซม. มีอาการปวดเข่าเข้าปีที่6 เเล้ว ช่วงเริ่มต้นมีอาการปวดบริเวณเข่าขวาด้านใน บวม เเดง ร้อน ไม่มีไข้ ไปหาหมอที่คลีนิคเฉพาะทางกระดูกหมอบอกว่า สะบ้าอักเสบ ให้ยาเเก้อักเสบมา เเละฉีดยาเเก้ปวด งดเดินขึ้นลงบันได อาการหายไปนานเกือบปี เเละเริ่มเป็นอีกตอนเข้าปีที่2 มีอาการเดิม ปวด บวม เเดง ร้อน มีเสียงเมื่อขยับ มักจะปวดเมื่ออากาศเย็นจัดหรือร้อนจัด เดินเยอะหรือนั่งนาน ได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลทำการx ray ผลคือ หมอบอกว่ามีเพียงจุดเล็กๆ ที่ไม่ต้องกังวลเลย ไม่เป็นอะไรหรอก เเต่จะปวดน่ารำคาญนิดหน่อย หมอให้ยาเเก้อักเสบ กับยานวดเเบบร้อนปกติมาค่ะ อาการปวดเริ่มร้าวลงข้อเท้า ที่ข้อเท้าอันนี้ไม่รู้ว่าผิดปกติมั้ย เเต่เมื่อหมุนข้อเท้าจะมีเสียงดังเเกร๊กๆเเถวเหนือตาตุ่มด้านนอกขวา ทดลองหมุนมากๆ ก็ปวดไปเลยทั้งขา ไม่เคยประสบอุบัติเหตุนะคะ อยากรู้ว่าเป็นเพราะอะไรได้บ้าง วิธีการรักษาไปทางไหนได้บ้าง ขอบคุณค่ะ
    Kulpalee Rodjem  พญ.นรมน
    แพทย์

     สวัสดีค่ะคุณ Kulpalee Rodjem

    อาการปวดเข่า อาจมีสาเหตุจาก

    -ข้อเข่าอักเสบเฉียบพลันจากการยกของหนักหรือการลงน้ำหนักมาก

    -ข้อเข่าหรือเส้นเอ็นรอบข้อเข่ามีการเคลื่อนหลังเกิดอุบัติเหตุ

    -ข้อเข่าเสื่อม ซึ่งไม่ค่อยเกิดในคนอายุน้อย

    -ข้อเข่าติดเชื้อ อาจมีข้อปวด บวม แดง ร้อน มีไข้

    แนะนำพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดบริเวณข้อเข่าให้ได้การวินิจฉัยที่แน่นอนค่ะ การที่เคยมีประวัติรักษาหลายครั้งแล้วไม่ดีขึ้นแสดงว่าอาจจะเป็นภาวะที่เป็นเรื้อรัง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

    การดูแลตัวเองเบื้องต้น ควรหลีกเลี่ยงการนั่งยองๆ การขึ้นบันไดหลายๆชั้น หรือการลุกนั่งบ่อยๆ รับประทานยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ และที่สำคัญหากมีน้ำหนักเกินควรลดน้ำหนักด้วย เพราะการที่น้ำหนักมากจะทำให้ข้อเข่าเสื่อมได้เร็วขึ้น