ปวดท้องประจำเดือนมากในวันแรกที่มีประจำเดือนมา ต้องกินยาแก้ปวดทุกเดือน ทำมาตั้งแต่อายุ 17 ปี จนตอนนี้ 22 ปี จะมีผลอะไรไหม

สวัสดีค่ะ คุณ Blank,

                   หากมีอาการปวดท้องประจำเดือนมาตั้งแต่อายุ 17 ปี คือปวดมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น ถือเป็นอาการปวดท้องประจำเดือนชนิดปฐมภูมิ ซึ่งไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของมดลูกหรือรังไข่ เชื่อว่ามีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างมีประจำเดือน และมาจากสารพรอสตาแกลนดิน ที่หลั่งออกมาจากเยื่อบุโพรงมดลูกมากกว่าปกติ และมาออกฤทธิ์ที่มดลูก ทำให้มดลูกมีการบีบเกร็งตัวและเกิดอาการปวดที่บริเวณท้องน้อย โดยจะมีอาการมากที่สุดในช่วงอายุ 15-25 ปี หลังจากวัยนี้ไปอาการจะค่อย ๆ ลดลง มีเพียงส่วนน้อยที่ยังอาจมีอาการตลอดไปจนถึงวัยหมดประจำเดือน

                    ดังนั้น  หากในตอนนี้ยังอายุ 21 ปี และอาการปวดท้องเป็นเฉพาะช่วงมีประจำเดือน เมื่อประจำเดือนหมดแล้วไม่มีอาการปวดท้องอีก อาการปวดดังกล่าวก็น่าจะเป็นอาการปวดชนิดปฐมภูมิค่ะ

                     แต่ในกรณีเคสอื่นๆ ที่ไม่ได้มีอาการปวดท้องประจำเดือนมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น และอาการปวดเป็นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หรือยังคงปวดต่อเนื่องแม้ประจำเดือนจะหมดไปแล้ว รวมถึงมีลักษณะของประจำเดือนที่ผิดปกติร่วมด้วย เช่น มีปริมาณมากผิดปกติ จะถือว่าเป็นอาการปวดประจำเดือนชนิดทุติยภูมิ ซึ่งเกิดจากมีความผิดปกติต่างๆ เช่น  มีเนื้องอกมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญขึ้นผิดที่ มีช็อกโกแลตซีสต์ เป็นต้น ซึ่งในกรณีนี้ ควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ

                     สำหรับการดูแลตนเองในเบื้องต้น ได้แก่ การใช้การประคบร้อนที่บริเวณท้องน้อย อาบน้ำด้วยน้ำอุ่น ลดอาหารเค็ม  งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนต่างๆ ทานอาหารที่มีประโยชน์ งดอาหารรสจัด ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนพักผ่อนให้เเพียงพอ หากปวดมากอาจทานยาแก้ปวด เช่น ไอบูโพรเฟน (ibuprofen), เมเฟนามิค แอซิด (ซึ่งยา ponstan ก็คือตัวยาชนิดนี้ค่ะ) เป็นต้น ทั้งนี้ การทานยาแค่เดือนละ 1 วัน ไม่ได้ส่งผลอันตรายอะไรต่อร่างกายเราค่ะ

                       แต่หากอาการปวดประจำเดือนเป็นรุนแรง และมีผลต่อการทำงานหรือชีวิตประจำวัน ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษา โดยแพทย์อาจให้ยาคุมกำเนิดหรือใช้ยาฉีดคุมกำเนิด ซึ่งจะสามารถบรรเทาอาการก่อนการมีประจำเดือนมา รวมถึงอาการปวดท้องขณะมีประจำเดือนได้ค่ะ