-
ปวดท้องด้านซ้ายหลังประจำเดือนหมด รักษาอย่างไรจึงจะหายค่ะ?
-
Feb 02, 2018 at 09:22 PM
เมื่อวันที่ 24 -30 ม.ค. ประจำเดือนหนูมา แต่ไม่มีอาการปวดท้องประจำเดือนนะ. แต่พอวันที่ 31 ม.ค. หนูก็มีอาการปวดท้องด้านซ้าย. ปวดแบบเข็ดๆ เหมือนเราจะเข็ดเอว ตอนออกกำลังกาย แต่มันไม่ใช่ค่ะ เมื่อเดือนธันวาหนูเคยไปหาหมอ แต่หมอบอกว่าปวดท้องเมนส์ปกติ. เดือนนี้หนูก็เป็นอีก มันปวดท้องเมนส์ปกติจริงๆใช่ไหมค่ะ. หนูต้องทำยังไงให้หายได้บ้างค่ะ. ทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ปวดไปหมด ร้าวไปถึงสะโพกและก็หลังเลยค่ะFeb 03, 2018 at 01:47 AM
สวัสดีครับคุณ Farida อาการ ปวดประจำเดือน คือ อาการปวดท้องน้อยช่วงที่มีรอบเดือน ซึ่งมักเกิดขึ้นก่อนรอบเดือนมาเพียงเล็กน้อย หรือเกิดขึ้นระหว่างที่มีรอบเดือน โดยส่วนใหญ่ อาการดังกล่าวมักเกิดขึ้นเป็นเวลา 2-3 วันครับ การที่จะทราบว่าอาการปวดท้องหลังจากเป็นประจำเดือนนี้ ต้องอาสัยข้อมูลต่างๆเช่น ประวัติประจำเดือน มามาก มาน้อย มาสม่ำเสมอเพียงใด เริ่มมีประจำเดือนตอนอายุเท่าไหร่ ร่วมกับการตรวจร่างกาย เช่นการคลำทั่วๆที่บริเวณท้อง น้อกจากนี้ยังอาจจะใช้การตรวจพิเศษเช่นอัลตร้าซาวน์ช่วยในการวินิจฉัยสาเหตุครับ
อาการปวดประจำเดือนมีสาเหตุจากปัญหาต่าง ๆ ดังนี้ครับ
- กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน ภาวะนี้เกิดจากฮอร์โมนภายในร่างกายเปลี่ยนแปลง โดยจะเกิดขึ้นก่อนมีรอบเดือนประมาณ 1-2 สัปดาห์
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คือเยื่อบุมดลูกที่เจริญขึ้นนอกมดลูก โดยเกิดขึ้นที่รังไข่ ท่อนำไข่ กระเพาะปัสสาวะ หรืออุ้งเชิงกราน
- เนื้องอกที่มดลูก โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่ปรากฏอาการใด ๆ โดยเนื้องอกที่ขึ้นมาในมดลูกมักไม่ใช่เนื้อร้าย ขนาดของเนื้องอกมีตั้งแต่ขนาดเล็กมากไปจนถึงขนาดใหญ่ซึ่งอาจบิดมดลูกให้ผิดรูปได้ ทำให้มดลูกต้องบีบตัวเพื่อขับลิ่มเลือดที่มีขนาดใหญ่ออกไป จึงก่อให้เกิดอาการปวดท้องประจำเดือน
- ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ เป็นการติดเชื้อที่อวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิง ซึ่งเกิดจากการได้รับเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยผู้ป่วยติดเชื้อที่มดลูก ท่อนำไข่ และรังไข่ หากไม่ได้รับการรักษาให้หาย อาจทำให้เกิดการอักเสบ มีแผล ปวดท้องเมื่อมีรอบเดือน และอาจทำให้มีบุตรได้ยาก
- เยื่อบุมดลูกเจริญภายในกล้ามเนื้อมดลูก ซึ่งคล้าย ๆ กับภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ แต่ภาวะนี้เกิดเยื่อบุเจริญขึ้นภายในกล้ามเนื้อมดลูกแทน มักเกิดกับผู้หญิงอายุมากกว่า 30 ปีที่มีบุตรแล้ว
ถ้าคุณ Farida ยังมีอาการปวดอยู่บ่อยๆทุกเดือน หมออยากให้คุณ Farida ไปหาคุณหมอที่ โรงพยาบาลอีกครั้งนะครับ เพื่อทำการตรวจอย่างละเอียดต่อไปครับ แต่ถ้าคุณ Farida มีอาการใดๆต่อไปนี้ หมอแนะนำให้ไปพบแพทย์ทันทีนะครับ
- ปวดบีบที่ท้องมาก โดยรู้สึกปวดนานกว่า 2-3 วัน รวมทั้งท้องร่วงและคลื่นไส้ร่วมด้วย
- ปวดท้องน้อยเมื่อไม่ได้มีรอบเดือน
- อาการปวดประจำเดือนแย่ลงอย่างรวดเร็ว หรือรู้สึกปวดท้องน้อยอย่างที่ไม่เคยเป็นเมื่อมีรอบเดือน
- เลือดประจำเดือนไหลออกมามากกว่าปกติ โดยต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกชั่วโมง
- มีเนื้อเยื่อออกสีเทาปนออกมากับเลือดประจำเดือนครับ
การช่วยบรรเทาอาการปวดที่คุณ Farida สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านมีดังนี้ครับ
- รับประทานยาแก้ปวด เช่น ยาไอบูโพรเฟน หรือ พอนแสตนโดยรับประทานก่อนที่ประจำเดือนจะมา
- วางถุงน้ำร้อนหรือประคบร้อนที่บริเวณท้องน้อยหรือหลัง
- นวดคลึงบริเวณท้องน้อยและหลังของตัวเอง
- อาบน้ำด้วยน้ำอุ่น
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ฝึกโยคะหรือทำกิจกรรมอื่นที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายมากขึ้น
- รับประทานอาหารให้หลากหลายและครบ 5 หมู่
- ลดอาหารที่มีเกลือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือน้ำตาล เพื่อป้องกันอาการท้องอืด
- งดสูบบุหรี่
- ยกขาขึ้น หรือนอนหงายและชันเข่าขึ้นมา เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอเป็นต้นครับ
-
ถามแพทย์
-
ปวดท้องด้านซ้ายหลังประจำเดือนหมด รักษาอย่างไรจึงจะหายค่ะ?