ถามแพทย์

  • ทำแท้งมา 3 เดือน หลังจากนั้น 1 เดือนฉีดยาคุม ปัจจุบันมีเลือดออก ปวดท้อง อันตรายไหม

  •  phattarasuda
    สมาชิก
    พอดีทำแท้งมาเกือบๆ3เดือนละค่ะ ตั้งแต่ 13 มีนาคม 61 หลังจากเลือดหยุดหมด ประมาณ 26 เมษายน 61 ไปฉีดยาคุมมาค่ะ ประจำเดือนมาอีกที 28-30 พฤษภาคม ไหลเฉพาะช่วงเช้าค่ะ แล้วก็มาไหลอีกทีวันที่ 5 และวันที่ 7-17 มิถุนายน (วันที่6ไม่ไหลค่ะ) บางวันเยอะมากๆ บางวันออกกะปริบกะปรอย วันที่12 เดินอยู่รู้สึกเจ็บข้างในช่องคลอด ปวดมากๆค่ะ เจ็บจี๊ดๆยืนนิ่งได้5นาทีถึงจะหาย ช่วงวันที่ 16-17 ปวดท้องมากๆในตอนกลางคืน มาถึงช่วงสายของวันที่ 18 รู้สึกเหมือนมีอะไรออกมาจากช่องคลอด นึกว่าลิ่มเลือดไหล เดินต่อมันก็หลุดออกมาแบบรู้สึกได้เลยค่ะว่ามันมีก้อนอะไรหล่นออกมา พอเข้าไปดูในห้องน้ำ มันเป็นก้อนเหมือนเอาเนื้อหมูบดมาปั้นเป็นก้อนๆ บีบดูข้างในเหมือนหมูบดเลย แต่ที่ออกมาไม่มีเลือดอะไรติดเลย เป็นเพราะเอาออกไม่หมดรึเปล่าคะ หรือจะเสี่ยงเป็นโรครึเปล่า เครียดมากๆเลยค่ะ

    สวัสดีค่ะ  

    เลือดออกทางช่องคลอดผิดปกตินั้น เกิดได้จากหลายสาเหตุมากมายค่ะ เช่น ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน เกิดมีภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ หรือ ผู้ที่เพิ่งคลอดบุตรหรือทำแท้งอาจมีเลือดออกจากช่องคลอดในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกได้  นอกจากนี้ยังอาจเกิดได้จากการติดเชื้อ ทำให้เกิดการอักเสบและมีเลือดออก หรือมีติ่งเนื้อ หรือเนื้องอกในมดลูก เป็นต้น ในกรณีนี้ยังอาจเกิดจากยาคุมกำเนิดแบบฉีดได้ด้วยอีกสาเหตุหนึ่งค่ะ

    อันตรายที่เกิดจากการทำแท้งนั้น เช่น มีเลือดออกมาก อาจเกิดการติดเชื้อ เช่น มีอาการ ไข้สูง ตกขาวมีกลิ่นเหม็น ปวดท้องอย่างรุนแรง อ่อนเพลียมาก หน้ามืด วิงเวียน ซึ่งโดยมากมักเกิดขึ้นหลังจากแท้งไม่นาน หากมีอาการเหล่านี้ ควรพบแพทย์ทันทีค่ะ

    แนะนำว่า กรณีนี้ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการตรวจร่างกาย และอาจต้องตรวจเพิ่มเติมอื่น แล้วจึงให้การวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไปค่ะ