ถามแพทย์

  • อายุ 28 ปี เช้านี้ออกแรงเบ่งถ่ายมาก แล้วเจ็บรูทวาร มีเลือดออกเล็กน้อย ใช่ริดสีดวงไหม แก้อย่างไร

  •  Jxjinah
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะ อายุ 28 ปี ค่ะ ปกติขับถ่ายวันละ 1-2 ครั้งค่ะ แต่ขับถ่ายทุกวัน ก้อนอุจจาระยาวเรียว สีเหลืองปนน้ำตาล  เมื่อเช้าประมาณ 6 โมง หนูมีถ่ายเป็นก้อนเเข็ง ใช้เเรงเบ่งมากพอประมาณ พอถ่ายหมดก้อนแรก อึอวบยาว แล้วเจ็บรูทวารมากค่ะ เลยใช้มือแตะที่ปากทวาร มีเลือดสีแดงติดมากับนิ้วชี้ ติดพอแห้งๆค่ะ และมีเลือดเป็นลิ่มเล็กๆสีแดงสดเข้ม ลิ่มเล็กประมาณหัวไม้ขีด ติดออกมาที่นิ้วชี้ที่แตะด้วยค่ะ แต่ไม่ได้บี้ดูค่ะ หลังจากนั้นถ่ายต่อได้สักพักจนสุด พอแต่งตัวมาทำงาน เจ็บรูทวารพอทนค่ะ และแสบช่วงปลายๆช่องคลอด ปากอวัยวะเพศค่ะ  (2-3วันที่ผ่านมา อึแข็งเล็กน้อย เจ็บรูทวารนิดๆหลังถ่ายเสร้จค่ะ)

    หลังจากนั้นสัก 1 ชม. ถ่ายอีกรอบ อุจจาระเป็นก้อนสีน้ำตาลเหลืองปกติ ไม่มีเลือดติดมาค่ะ ลองแตะปากทวารก็ไม่มีเลือดติดมากับนิ้วเเล้วค่ะ หลังถ่าย ไม่รุ้สึกเจ็บทวารมากเท่าตอนเช้าค่ะ

     

    อยากถามว่าอาการเช่นนี้ใช่ริดสีดวงมั้ยคะ หรือร้ายแรงถึงขั้นมะเร็งมั้ยคะ กังวลมากค่ะ มีวิธีการแก้ปัญหาอย่างไรบ้างคะ

     

    ที่ผ่านมาใน 1-2 เดือนไม่มีน้ำหนักลดเลยค่ะ  ไม่มีโรคประจำตัวค่พ บิดาเป็นความดัน และเกาท์ค่ะ มารดาไม่มีโรคประจำตัวค่พ

     

    ขอบพระคุณค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Jxjinah,

                         อาการเจ็บที่รูทวาร และมีเลือดติดออกมาเล็กน้อย หลังจากที่มีการถ่ายอุจจาระเป็นก้อนแข็ง และการใช้แรงแบ่ง น่าจะเกิดจาก "แผลปริขอบทวารหนัก" (anal fissure) ซึ่งเกิดจากการที่ก้อนอุจจาระใหญ่ หรือแข็ง หรือการออกแรงเบ่งมาก ก้อนอุจจาระจึงไปครูดกับเยื่อบุของทวารหนัก ทำให้เกิดเป็นแผล ซึ่งทำให้มีอาการเจ็บแสบ และอาจมีเลือดสีแดงสดติดออกมากับก้อนอุจจาระหรือติดกระดาษที่ใช้เช็ดก้นได้ด้วย

                         ส่วนโรคริดสีดวงทวารภายในนั้น มักทำให้มีอาการถ่ายเป็นเลือดออกมาปริมาณพอสมควร และไม่ได้ทำให้มีอาการเจ็บหรือปวดที่รูทวารหนัก ส่วนโรคริดสีดวงทวารชนิดภายนอก อาจทำให้มีอาการเจ็บ ปวด แสบรูทวารได้ แต่ก็จะต้องเห็นติ่งหนือตุ่มเนื้อที่ขอบรูทวารหนักค่ะ ดังนั้น หากไม่ได้มีติ่งหรือตุ่มเนื้ออะไร ก็ไม่ใช่โรคริดสีดวงทวารหนักชนิดภายนอกค่ะ

                          สำหรับมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักนั้น มักพบในคนอายุ 50 ปีขึ้นไป อาการคือมีถ่ายเป็นเลือด ปวดท้องเรื้อรัง น้ำหนักลด เบื่ออาหาร เป็นต้น ดังนั้น อาการที่เป็นอยู่ จึงไม่ใช่ลักษณะของโรคมะเร็ง และการมีโรคแผลปริขอบทวารหนัก หรือริดสีดวงทวาร ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งค่ะ

                          ในเบื้องต้น ควรพยายามอย่าให้ท้องผูก และอย่าให้อุจจาระแข็ง โดยการดื่มน้ำเปล่ามากๆ วันละ 8-10 แก้ว เน้นทานผักและผลไม้สด ลดปริมาณการทานเนื้อสัตว์ และไม่ควรออกแรงเบ่งอุจจาระค่ะ ทั้งนี้ หากไม่มีอาการเจ็บรูทวารแล้วในตอนนี้ ก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้ยาอะไรค่ะ แต่หากยังเจ็บแสบรูทวารอยู่ ก็อาจใช้วิธีการนั่งแช่ก้นในน้ำอุ่นจัดวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-30 นาที  และอาจทานยาที่ช่วยให้อุจจาระนิ่มไม่เป็นก้อนใหญ่เกินไป เช่น ด๊อกคูเสทโซเดียม (docusate sodium), ด๊อกคูเสทแคลเซียม (docusate calcium) เป็นต้น หรือใช้ยาเหน็บที่ใช้รักษาโรคริดสีดวงทวาร นำมาใช้รักษาด้วย  เช่น พรอกโตซดิล (proctosedyl), โดพรอก (doproct) เป็นต้น