มีเพศสัมพันธ์ ใส่ถุงยาง กินยาคุมฉุกเฉิน แล้วประจำเดือนมาไม่ตรง จะท้องไหม

สวัสดีค่ะ คุณ บัก บีม นะ คับ,

                      การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยนั้น หากใช้ได้อย่างถูกต้อง ไม่มีการฉีกขาดหรือรั่วซึม โอกาสในการตั้งครรภ์ก็ถือว่ามีน้อยมาก คือประมาณ 2% ดังนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องทานยาคุมฉุกเฉินไป

                      แต่หากได้ทานไปแล้ว ยาคุมฉุกเฉินก็จะไปมีผลต่อการทำงานของรังไข่ ทำให้มีเลือดออกผิดปกติหรือมีประจำเดือนมาผิดปกติได้ 

                      ซึ่งหลังจากทานยาคุมฉุกเฉินไปประมาณ 1 สัปดาห์ ก็อาจมีเลือดออกจากช่องคลอดได้ โดยอาจออกได้นาน 1-4 วัน ปริมาณอาจมากหรือน้อยก็ได้ ซึ่งเลือดที่ออกถือเป็นผลข้างเคียงจากยา ไม่ใช่ประจำเดือนจริงๆ แต่ทั้งนี้ อาจไม่มีเลือดออกก็ได้

                      สำหรับประจำเดือนจริงๆ นั้น ก็อาจมาในช่วงเวลาเดิม หรืออาจมาช้ากว่าปกติได้ค่ะ                     

                      หากจะมีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ และกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ ก็ควรใช้วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงร่วมกับถุงยางอนามัย เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด แผ่นแปะคุมกำเนิด เป็นต้น ซึ่งจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% ไม่ควรทานยาคุมฉุกเฉินบ่อยๆ  เพราะจะมีผลต่อการทำงานของรังไข่ ทำให้มีเลือดออกผิดปกติ และประจำเดือนมาผิดปกติได้ อีกทั้งประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินก็ไม่ถือว่าดีมากนักเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ โดยจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 58%-95% ค่ะ