ถามแพทย์

  • คันหัวตาซ้ายมากเวลากลางคืน มา 3-4 เดือน ต่อมาคันตาขวาด้วย มีเยื่อขาวๆ ออกมาด้วย เกิดจากอะไร

  • คือมีอาการคันที่หัวตาข้างซ้ายมาประมาณ 3-4 เดือนแล้วค่ะ ส่วนใหญ่จะคันเวลากลางคืนช่วงหัวค่ำถึงดึกๆ คันมากยิ่งขยี้ยิ่งคัน คันแบบทรมานสุดๆ แต่ในตาไม่เป็นอะไรเลยแล้วช่วงพักหลังๆก็เริ่มคันหัวตาขวาร่วมด้วย เวลาขยี้จะมีเยื่อขาวๆออกมาด้วยค่ะ สาเหตุเกิดจากอะไรคะ??

    สวัสดีค่ะ คุณ เอวา ชิมชิม,

                      อาการคันที่หัวตาทั้ง 2 ข้าง มานาน 3-4 เดือน น่าจะเป็นอาการของโรคภูมิแพ้ขึ้นดวงตา (eye allergy หรือ allerigic conjuctivitis) ซึ่งจะมีอาการต่างๆ คือ คันตา น้ำตาไหล แสบตา มีขี้ตามาก (อย่างที่คุณ เอวา ชิมชิม เห็นเป็นเยื่อขาวๆ) และเปลือกตาแดงได้ โดยอาการจะเกิดเมื่อได้รับสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่ที่พบบ่อย เช่น ไรฝุ่น ละอองเกสรหญ้าหรือดอกไม้ สะเก็ดผิวหนังจากสัตว์ ขนสัตว์ อาหาร โดยเฉพาะอาหารทะเล นม ถั่ว รวมถึงควันธูปเทียน ควันบุหรี่ น้ำหอม เครื่องสำอางที่ใช้บริเวณดวง ครีมกันแดด น้ำยาย้อมสีผม เป็นต้น

                       นอกจากนี้อาจเกิดจาก ภาวะสายตาล้า จากการใช้สายตาเป็นเวลานาน ซึ่งมักทำให้เกิดอาการตาพร่ามัว ปวดตา ปวดหัว เคืองตา แสบตา และอาจมีคันตาได้ หรือเกิดการใส่คอนแทคเลนส์ ซึ่งจะทำให้ตาแห้งและเกิดอาการคันตาได้เช่นกัน

                      แนะนำให้สังเกตว่ามีอาการอื่นๆ ร่วมหรือไม่ โดยเฉพาะอาการเปลือกตาแดง แสบตา ปวดตา ตาสู้แสงไม่ได้ มีขี้ตามากจนเหนียวเกาะตา หากมีอาการดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากมีการอักเสบติดเชื้อเกิดขึ้น หากมีอาการเฉพาะคันตาเป็นหลักให้ลองสังเกตว่ามีสิ่งใดที่มักกระตุ้นให้เกิดอาการและพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นๆ อาจทานยาแก้แพ้ในช่วงที่มีอาการมาก เช่น เซทิริซีน (cetirizine), ลอราทาดีน (loratadine) เป็นต้นหากพยายามสังเกตแล้วแต่ไม่พบสิ่งกระตุ้นชัดเจน และอาการเป็นมาก เป็นทุกวัน รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ควรไปพบแพทย์ เพื่อทดสอบสารก่อภูมิแพ้ทางผิวหนังและรับยารักษาต่อเนื่องค่ะ