Cetirizine (เซทิริซีน)

Cetirizine (เซทิริซีน)

Cetirizine (เซทิริซีน) เป็นยาในกลุ่มยาแก้แพ้ (Antihistamine) มีคุณสมบัติในการรักษาอาการแพ้ต่าง ๆ เช่น น้ำมูกไหล เคืองตา คันจมูก คันคอ จาม มีผื่นขึ้น บรรเทาอาการบวมและคัน ซึ่งเกิดจากลมพิษ ภูมิแพ้อากาศ โรคหืด และโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) โดยปริมาณยาที่แนะนำคือไม่ควรเกินวันละ 10 มิลลิกรัม

ตัวยาออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการปล่อยสารฮิสตามีน (Histamine) ที่ร่างกายสร้างขึ้นเมื่อเกิดอาการแพ้ อย่างไรก็ตาม ยา Cetirizine ไม่ได้ช่วยป้องกันลมพิษ และไม่ได้ช่วยป้องกันหรือรักษาอาการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis) ผู้มีอาการแพ้รุนแรงที่แพทย์สั่งจ่ายยาฉีดอิพิเนฟรีนเพื่อระงับอาการแพ้ที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ควรพกยาติดตัวไปด้วยเสมอ และไม่สามารถใช้ Cetirizine แทนยาฉีดเอพิเนฟรีนได้

Cetirizine (เซทิริซีน)

เกี่ยวกับยา Cetirizine

กลุ่มยา ยาต้านการทำงานของฮีสตามีน (Antihistamine)
ประเภทยา ยาหาซื้อได้เอง ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ บรรเทาอาการหวัด และแก้แพ้จากภูมิแพ้อากาศและลมพิษ
กลุ่มผู้ป่วย เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป และผู้ใหญ่
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร ยังไม่มีการจัดหมวดหมู่ของยาชนิดนี้จากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) สตรีมีครรภ์ ผู้วางแผนจะตั้งครรภ์ และผู้ให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยานี้ เนื่องจากตัวยาอาจซึมผ่านน้ำนมมารดา และอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์และทารกหลังคลอด
รูปแบบของยา ยาเม็ด ยาน้ำ ยาหยอดตา ยาฉีดเข้าหลอดเลือด

คำเตือนการใช้ยา Cetirizine

เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

  • ยา Cetirizine สามารถส่งผลข้างเคียงต่อกระบวนการคิดและการตอบสนอง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการขับรถ การทำงานกับเครื่องจักร หรือกิจกรรมที่ต้องการการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
  • ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เมื่อใช้ยา Cetirizine เพราะจะทำให้เพิ่มการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาได้
  • ควรปรึกษาแพทย์หากใช้ยาชนิดนี้แล้วอาการไม่ดีขึ้น มีอาการแย่ลง หรือมีอาการไข้เมื่อใช้ยาดังกล่าว
  • เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ผู้มีภาวะตับและไตเสื่อม รวมทั้งผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนรับการทดสอบในห้องปฏิบัติการ เช่น การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง เพราะการใช้ยานี้อาจทำให้ผลการทดสอบที่คาดเคลื่อนได้

ปริมาณการใช้ยา Cetirizine

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยตัวอย่างการใช้ยา Cetirizine เพื่อรักษาอาการปวดต่าง ๆ มีดังนี้

1. ยาชนิดรับประทาน

การใช้ยา Cetirizine ชนิดรับประทาน จะใช้เพื่อรักษาอาการแพ้จากโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) ทั้งชนิดที่เกิดอาการแพ้เฉพาะบางฤดูกาล หรือเกิดอาการแพ้ได้ตลอดทั้งปี และรักษาอาการแพ้จากลมพิษเรื้อรังชนิดไม่ทราบสาเหตุ 

ทั้งนี้ ไม่ควรรับประทานยาเกิน 10 มิลลิกรัมภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งปริมาณการรับประทานจะแบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้

  • เด็กอายุ 6–12 ปี รับประทานครั้งละ 5 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
  • เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่ รับประทานวันละ 10 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง หากอาการแพ้ไม่รุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้แบ่งรับประทานยาครั้งละ 5 มิลลิกรัม วันละ 1–2 ครั้ง

2. ยาหยอดตา

การใช้ยา Cetirizine ชนิดหยอดตา จะใช้เพื่อรักษาอาการคันและระคายเคืองดวงตาจากโรคภูมิแพ้ขึ้นตา (Allergic Conjunctivitis) ซึ่งจะใช้ในเด็กอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่ โดยหยดยาที่ดวงตาข้างที่มีอาการครั้งละ 1 หยด วันละ 2 ครั้ง โดยเว้นระยะเวลาห่างกัน 8 ชั่วโมง

3. ยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ

การใช้ยา Cetirizine ชนิดฉีดเข้าหลอดเลือดดำในการกำกับดูแลของแพทย์ที่สถานพยาบาลเท่านั้น โดยจะใช้รักษาอาการลมพิษเฉียบพลัน  ซึ่งปริมาณการให้ยาจะแบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้

  • เด็กอายุ 6 เดือน จนถึงอายุ 5 ปี ให้ยาครั้งละ 2.5 มิลลิกรัม ทุก 24 ชั่วโมง
  • เด็กอายุ 6–11 ปี ให้ยาครั้งละ 5–10 มิลลิกรัม ทุก 24 ชั่วโมง หรือขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ
  • เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่ ให้ยาครั้งละ 10 มิลลิกรัม ทุก 24 ชั่วโมง

การใช้ยา Cetirizine

การใช้ยา Cetirizine สามารถรับประทานได้ทั้งก่อนและหลังอาหาร หากรับประทานยาดังกล่าวเป็นชนิดน้ำ ควรใช้ช้อนสำหรับตวงยาโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้ช้อนธรรมดาในการตวงเพราะอาจจะทำให้รับประทานยาเกินขนาด หรือน้อยกว่าปริมาณที่ควรจะเป็น หากเป็นยาเม็ดสำหรับเคี้ยว ควรเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน

หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่หากนึกได้ในเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาในการรับประทานยาครั้งถัดไป ควรรอให้ถึงเวลาแล้วค่อยรับประทานโดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยา เนื่องจากการรับประทานยาเกินขนาดอาจทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้

  • เกิดอาการมึนงง วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ
  • อ่อนเพลีย ง่วงซึม
  • มีอาการคัน
  • ปากแห้ง
  • ท้องเสีย
  • รูม่านตาขยาย ตัวสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
  • ปัสสาวะไม่ออก
  • นอนไม่หลับ

หากเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นควรรีบไปพบแพทย์หรือเรียกรถหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากนี้ ยังควรสังเกตอาการในระหว่างการใช้ยาด้วย หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีทีท่าว่าจะยิ่งแย่ลง ควรปรึกษาแพทย์โดยด่วน

ในเรื่องการเก็บรักษา ยาเซทิริซีนเป็นยาที่ควรเก็บรักษาในอุณหภูมิห้อง และให้ห่างจากความชื้นและความร้อน เนื่องจากอาจทำให้ยาเสื่อมประสิทธิภาพลงได้

ปฏิกิริยาระหว่างยา Cetirizine กับยาอื่น 

ยา Cetirizine อาจทำปฏิกิริยากับยาบางชนิด ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ง่วงซึม หรือลดประสิทธิภาพของยาลง เช่น 

นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่ใช้ยาชนิดอื่น ๆ เช่น ยารักษาอาการไอและหวัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้งก่อนได้รับยา เนื่องจากยาชนิดนี้จะยิ่งทำให้เกิดอาการง่วงมากขึ้น

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Cetirizine

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Cetirizine มีค่อนข้างมาก โดยผลข้างเคียงที่พบมักมีความแตกต่างไปกันตามช่วงวัย ดังนี้

  • ผู้ใหญ่และเด็กอายุ 12 ปี ขึ้นไป อาจเกิดอาการง่วงนอน อ่อนเพลีย ปากแห้ง นอนไม่หลับ
  • เด็กอายุ 2–11 ปี อาจปวดศีรษะ คออักเสบ และปวดท้อง
  • เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือน จนถึง 2 ปี อาจมีอาการตอบสนองต่อสิ่งเร้ามากผิดปกติ มีอาการมึนงง นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย รู้สึกไม่สบายตัว

นอกจากนี้ ยาดังกล่าวยังอาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้อีก เช่น วิงเวียนศีรษะ ง่วงซึม รู้สึกเหนื่อย ปวดศีรษะ ปากแห้ง เจ็บคอ ไอ คลื่นไส้ ท้องผูก เป็นต้น ส่วนผลข้างเคียงที่รุนแรงก็สามารถพบได้เช่นกัน ได้แก่

  • หัวใจเต้นผิดปกติ
  • เหนื่อย มีอาการสั่น หรือนอนไม่หลับ
  • มีอาการอยู่ไม่สุข ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
  • มีอาการมึนงง
  • มีปัญหาในเรื่องการมองเห็น
  • ปัสสาวะน้อย หรือไม่ปัสสาวะเลย

ไม่เพียงเท่านั้น การแพ้ยาชนิดนี้ยังส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ ที่ถือเป็นสัญญาณอันตราย เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น และคอ มีอาการบวม ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้ควรรีบหยุดยาทันที หรือหากอาการค่อนข้างรุนแรง ควรรีบโทรแจ้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อที่ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที