ถามแพทย์

  • มีเพศสัมพันธ์ 3 ก.ย. ประจำเดือนมา 12 ก.ย. ได้เริ่มทานยาคุมกำเนิด แล้วประจำเดือนหายไป มีท้องเสีย เกิดจากอะไร

  •  Moo Noy Jessada
    สมาชิก
    สวัสดีครับหมอ คือเมื่อวันที่ 3/9/2022 ที่ผ่านมา ผมมีเซ็กส์กับแฟนหลายรอบครับ แต่ป้องกันด้วยการใส่ถุงยางทุกรอบไม่เคยขาดครับ จนมาวันที่ 8-9/9/2022 แฟนมีอาการปวดท้องเมนส์ และในวันที่12/9/2022 ก็เมนส์มาครับ แต่แฟนได้ทำการกินยาคุมที่ซื้อมาจากเภสัช ที่แนะนำให้กินยาคุมเม็ดแรกในวันแรกที่เมนส์มา แต่แฟนกินได้1-2 วันเมนส์ก็หยุดไหลครับ อยากรู้ว่าแบบนี้จะท้องไหมครับ แล้ววิธีแก้คืออะไร แล้วบังเอิญว่าแฟนไม่สบาย มีอาการท้องร่วงเฉียบพลัน ถ่ายเป็นน้ำ แล้วก็อ้วกเวลาทานอาหาร ยิ่งทำให้ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่ครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ Moo Noy Jessada,

                         การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 3 ก.ย. หากมีหลายครั้ง แต่ได้ใส่ถุงยางอนามัยป้องกันทุกครั้ง โอกาสในการตั้งครรภ์ก็ถือว่ามีน้อยค่ะ

                         และหากในวันที่ 12 ก.ย. ประจำเดือนได้มาแล้ว โดยมาในช่วงวันที่ที่ควรจะมา ก็ถือเป็นประจำเดือนที่ปกติดี และแสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ

                         แล้วเมื่อประจำเดือนมาในวันที่ 12 ก.ย. ได้เริ่มทานยาคุมกำเนิดชนิด 21 หรือ 28 เม็ด ยาคุมกำเนิดก็จะออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีค่ะ ส่วนการที่ประจำเดือนมาแค่ 1-2 วัน ก็น่าจะเป็นผลจากผลของยาคุมกำเนิดได้ค่ะ ไม่ได้อันตรายอะร ไม่จำเป็นต้องทำอะไร และไม่ได้เกิดจากการตั้งครรภ์ สามารถทานยาคุมกำเนิดต่อไปได้ค่ะ

                         ส่วนการมีท้องเสียเกิดขึ้น ไม่น่าเกิดจากผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด แต่อาจเกิดจากอาหารเป็นพิษ ที่บังเอิญเกิดขึ้นในช่วงที่กำลังมีประจำเดือนมาได้ค่ะ ทั้งนี้ การมีท้องเสีย อาจทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลดลงไปได้ ดังนั้น ในช่วงที่ยังมีท้องเสีย ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้ถุงยางอนามัยร่วมไปด้วยก่อน จะกว่าจะหายจากอาการท้องเสียไปแล้ว 1 สัปดาห์ค่ะ

                        หากยังมีท้องเสียและอาเจียนอยู่ ควรพยายามดื่มน้ำสะอาดให้มาก และดื่มน้ำเกลือแร่ร่วมด้วย สำหรับอาหาร ควรทานอาหารอ่อน อาหารที่ย่อยง่าย รสจืด เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก แกงจืด หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ของทอด ของผัด และเนื้อสัตว์ เพราะย่อยยาก อาจยิ่งทำให้ถ่ายมากขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด และทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ค่ะ หากอาการไม่ดีขึ้น ยังถ่ายปริมาณมาก ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจค่ะ