เอนเทคคาเวียร์ (Entecavir)

เอนเทคคาเวียร์ (Entecavir)

Entecavir (เอนเทคคาเวียร์) เป็นยาต้านไวรัสที่ใช้รักษาโรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี (Hepatitis B) ชนิดเรื้อรังในผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไปที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 10 กิโลกรัม โดยยาจะออกฤทธิ์ลดจำนวนไวรัสตับอักเสบ บี (Hepatitis B Virus) และช่วยให้สุขภาพตับดีขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ยานี้เป็นเพียงวิธีการรักษาที่ช่วยยับยั้งไวรัสเท่านั้น จึงไม่สามารถรักษาผู้ป่วยให้หายขาดได้ และแพทย์อาจใช้ยานี้ในการรักษาโรคหรือภาวะผิดปกติอื่น ๆ ในบางกรณี ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์

เอนเทคคาเวียร์ (Entecavir)

เกี่ยวกับยา Entecavir

กลุ่มยา กลุ่มยาเอ็นอาร์ทีไอ (Nucleoside Reverse Transcriptase Inhibitors: NRTIs)
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ รักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ชนิดเรื้อรัง
กลุ่มผู้ป่วย เด็กอายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยาเม็ด และยาน้ำ
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร Category C จากการศึกษาในสัตว์พบว่า ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์ หรือไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาทดลองในมนุษย์และสัตว์ ควรใช้ยาเมื่อพิจารณาแล้วว่า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์ ดังนั้น ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา Entecavir

คำเตือนในการใช้ยา Entecavir

เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  • แจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้งหากมีประวัติแพ้ยาต่าง ๆ โดยเฉพาะยา Entecavir และยาต้านไวรัสชนิดอื่น อย่างยาลามิวูดีน (Lamivudine) หรือยาเทวบิวูดีน (Telbivudine) รวมถึงหากกำลังใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร วิตามิน หรือยาอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ยาต้านไวรัส ยากลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ (Aminoglycosides) ยากดภูมิคุ้มกัน และยาออริสแตท (Orlistat
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากกำลังป่วยหรือมีประวัติป่วยเป็นโรคไต โรคตับ มีประวัติผ่าตัดปลูกถ่ายตับ อยู่ในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับ เช่น มีภาวะอ้วน หรือใช้ยาบางชนิดที่อาจส่งผลกระทบต่อตับติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน 
  • ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) หรือป่วยเป็นโรคเอดส์ (AIDs) ที่ไม่ได้รับการรักษาโดยแพทย์ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ เนื่องจากการใช้ยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบ บี ชนิดเรื้อรัง อาจส่งผลให้ผู้ป่วยดื้อยาบางชนิดที่ใช้รักษาการติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคเอดส์ได้
  • ผู้ป่วยที่มีประวัติใช้ยารักษาไวรัสตับอักเสบ บีชนิดอื่น ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้
  • ห้ามใช้ยา Entecavir ในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และอยู่ในช่วงให้นมบุตร และหากตั้งครรภ์ระหว่างใช้ยานี้ ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบ
  • ผู้ป่วยที่ใช้ยานี้ยังคงมีความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อไวรัสตับอักเสบ บีอยู่ ดังนั้น ผู้ป่วยต้องใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง รวมถึงห้ามใช้มีดโกนหนวด กรรไกรตัดเล็บ และแปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น
  • ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำฟันขณะใช้ยานี้ควรแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบก่อน
  • ยา Entecavir อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเวียนศีรษะได้ โดยเฉพาะผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ดังนั้น ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และการทำกิจกรรมที่ต้องตื่นตัวตลอดเวลาขณะใช้ยานี้

ปริมาณการใช้ยา Entecavir

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยา Entecavir เพื่อรักษาโรคไวรัสตับอักเสบ บี ชนิดเรื้อรัง จะแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละคน ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ความรุนแรงของโรค และความเหมาะสมต่อผู้ป่วย

ในกรณีผู้ใหญ่ที่ไม่มีอาการและไม่เคยใช้ยาในกลุ่มนิวคลีโอไซด์ แพทย์จะให้รับประทานยาวันละ 0.5 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง แต่สำหรับผู้ป่วยมีภาวะดื้อยา ใช้ยาลามิวูดีนร่วมด้วย หรือมีอาการรุนแรง แพทย์จะให้รับประทานยาวันละ 1 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง

ในกรณีเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป และมีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 10 กิโลกรัมขึ้นไปที่ไม่มีอาการและไม่เคยใช้ยาในกลุ่มนิวคลีโอไซด์ แพทย์จะให้รับประทานยาวันละ 0.015 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม วันละ 1 ครั้ง โดยปริมาณยาสูงสุดจะไม่เกิน 0.5 มิลลิกรัมต่อวัน แต่สำหรับผู้ป่วยที่ใช้ยาลามิวูดีนร่วมด้วย แพทย์จะให้รับประทานยาวันละ 0.03 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม วันละ 1 ครั้ง โดยปริมาณยาสูงสุดจะไม่เกิน 1 มิลลิกรัมต่อวัน

การใช้ยา Entecavir

ผู้ที่ใช้ยา Entecavir ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และไม่ควรหยุดใช้ยาเองแม้อาการจะดีขึ้น เนื่องจากการหยุดใช้ยาเองอาจส่งผลให้ผู้ป่วยอาการแย่ลง และผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามอาการและตรวจการตอบสนองต่อยาเป็นระยะ   

ในการรับประทานยา Entecavir ผู้ป่วยควรรับประทานยาขณะท้องว่าง โดยอาจเลือกรับประทานช่วง 2 ชั่วโมงก่อนหรือหลังรับประทานอาหาร แต่ควรกำหนดเวลารับประทานเป็นช่วงเวลาเดียวกันทุกวัน หากลืมรับประทานยาในเวลาที่กำหนด ให้รีบรับประทานยาทันที แต่หากใกล้ถึงเวลาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานในรอบถัดไปโดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยาเป็นสองเท่า และแจ้งให้แพทย์ทราบหากลืมรับประทานยาบ่อย ๆ

สำหรับผู้ป่วยที่รับประทานยาชนิดน้ำ ให้ผู้ป่วยใช้อุปกรณ์สำหรับตวงยาที่มากับผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะ เพื่อป้องกันการรับประทานยาเกินขนาด และไม่ควรผสมยากับน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มอื่น ๆ โดยหลังจากใช้อุปกรณ์ตวงยา ให้ล้างอุปกรณ์ด้วยน้ำสะอาดทุกครั้ง

การเก็บรักษายา Entecavir ควรเก็บยาให้พ้นมือเด็ก เก็บยาไว้ในบรรจุภัณฑ์เดิม หลีกเลี่ยงความร้อนและความชื้น และไม่ควรใช้ยาหากยาหมดอายุ

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Entecavir

ยา Entecavir อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น เวียนศีรษะ ง่วงซึม ปวดศีรษะ มีไข้ อ่อนเพลีย ท้องเสีย ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อาหารไม่ย่อย นอนไม่หลับ ซึ่งผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากพบอาการข้างต้นและอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง

ในบางกรณี ผู้ที่ใช้ยานี้ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินและผู้หญิง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงซึ่งควรได้รับการรักษาโดยแพทย์ทันที อย่างภาวะเลือดเป็นกรด (Lactic Acidosis) โดยอาการที่เป็นสัญญาณให้รีบไปพบแพทย์ เช่น ปวดกล้ามเนื้อ รู้สึกหนาว หายใจลำบาก เวียนศีรษะ หน้ามืด อ่อนเพลีย อาเจียน ปวดท้อง หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ 

นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์ทันที หากพบผลข้างเคียงบางอย่างที่มีความรุนแรงหลังจากใช้ยา Entecavir เช่น

  • อาการแพ้ยา เช่น ผื่นขึ้น หายใจลำบาก เวียนศีรษะขั้นรุนแรง หรือมีอาการบวมบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น และลำคอ 

อาการผิดปกติเกี่ยวกับตับ เช่น อาการบวมบริเวณหน้าท้อง คลื่นไส้ ปวดท้อง เบื่ออาหาร ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจาระมีสีซีด ผิวหนังและดวงตาเป็นสีเหลือง