ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี ออกจากโรงพยาบาลมาก็ติดโควิด ตอนนี้ครบ 10 วัน มีอาการปวดรูทวารและมีแผล ทานยาริดสีดวงได้ไหม

สวัสดีค่ะ คุณ Powderpuff,

                       การมีแผลที่ทวารหนัก ร่วมกับอาการปวดบริเวณรูทวารหนัก หากไม่ได้มีการถ่ายอุจจาระเป็นเลือดร่วมด้วย ก็น่าจะเป็นโรค แผลปริขอบทวารหนัก (anal fissure) มากกว่าริดสีดวงทวารค่ะ เพราะอาการของริดสีดวงทวาร ที่เป็นชนิดภายในนั้น จะมีอาการถ่ายเป็นเลือดเป็นหลัก มักไม่มีเจ็บหรือปวดรูทวาร หรือหากเป็นริดสีดวงทวารชนิดภายนอก ก็จะเห็นมีติ่งเนื้อยื่นออกมา ซึ่งอาจเจ็บปวดได้ แต่จะไม่ได้เห็นเป็นแผลค่ะ 

                       นอกจากโรคแผลปริขอบทวารหนักแล้ว การมีแผลที่ทวารหนักและมีอาการเจ็บ อาจเกิดจากโรคอื่นๆ ได้อีก เช่น ลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Crohn's disease) ซิฟิลิส หนองใน (จากการร่วมเพศทางทวารหนัก) วัณโรค มะเร็ง เป็นต้น แต่ก็จะต้องมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยอีกหลายอย่าง

                        ในเบื้องต้น ควรดูแลแบบโรคแผลปริของทวารหนักไปก่อน ได้แก่ การอย่าให้ท้องผูก และทำให้อุจจาระนิ่ม โดยการดื่มน้ำเปล่ามากๆ อย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร เน้นทานผักและผลไม้สด ลดปริมาณการทานเนื้อสัตว์ และอาจทานยาที่ช่วยให้อุจจาระนิ่ม เช่น ด๊อกคูเสทโซเดียม (docusate sodium), ด๊อกคูเสทแคลเซียม (docusate calcium) เป็นต้น และไม่ควรใช้แรงเบ่งถ่ายอุจจาระ นอกจากนี้ อาจใช้ยาเหน็บที่ใช้รักษาโรคริดสีดวงทวาร นำมาใช้บรรเทาอาการเจ็บและรักษาแผลได้ด้วย  เช่น พรอกโตซดิล (proctosedyl), โดพรอก (doproct) เป็นต้น ซึ่งยาเหล่านี้ สามารถที่จะทานได้ แม้เพิ่งไปผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีมา และเพิ่งหายจากโควิดมาค่ะ ยาเหล่านี้ ไม่ได้มีผลต่อโรคโควิด หรือแผลที่ผ่าตัดค่ะ 

                     ส่วนการนั่งแช่ก้นในน้ำอุ่นจัดวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-30 นาที ก็สามารถได้ โดยจะช่วยให้แผลและอาการเจ็บแสบรูทวารหนักหายเร็วขึ้นด้วย

                     แต่หากอาการไม่ดีขึ้น ปวดรูทวารมากขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่ะ