ถามแพทย์

  • เจ็บคอ มีน้ำมูก ไอ มาเกือบสัปดาห์ แล้วมีจุดแดงๆ ตรวจเลือดไม่เป็นไข้เลือดออก เป็นเพราะอะไร

  •  Jirina
    สมาชิก
    เป็นไข้หวัดอ่อนมา เริ่มจากเจ็บคอ มีน้ำมูก ไอไม่เยอะ มาเกือบสัปดาห์ไปหาหมอตรวจเลือดครั้งแรกไม่เจอไข้เลือดออก และเริ่มมีจุดแดงๆเหมือนยุงกัด จากจุดเล็กๆๆ 2-3 จุด. ไปหาหมอ ตรวจเลือดครั้งที่ 2. ก็ไม่เจอไข้เลือดออก จุดก็เริ่มชัดและมากขึ้นเป็นจุดๆๆตามแขน ขา ไม่มีอาการคัน พออยู่ห้องแอร์ จุดจะชัดและเหมือนเป็นวงขาวๆรอบๆๆจุด ที่นิ้วมือ ฝ่าเท่าก็มีน่ะค่ะ อาการแบบนี้เป็นเพราะอะไรค่ะ กลุ่มใจมากค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Jirina,

                        หากมีอาการไม่สบายมา 1 สัปดาห์ มีผื่นจุดสีแดงขึ้นตามตัว และได้รับการตรวจเลือดเมื่อมีผื่นสรแดงขึ้นแล้ว ผลเลือดไม่พบลักษณะของโรคไข้เลือดออก ก็แสดงว่าไม่ได้เป็นไข้เลือดออกค่ะ ดังนั้น อาการดังกล่าวที่เป็นอยู่ อาจเกิดจาก

                        1. ไข้ออกผื่นจากเชื้อไวรัสชนิดไม่เจาะจง เช่น เกิดจากการติดเชื้อ enterovirus หรือ adenovirus ซึ่งอาการในกลุ่มนี้ไม่มีอาการเฉพาะเจาะจง โดยส่วนใหญ่คือจะมีไข้ หรือมีอาการคล้ายไข้หวัด แล้วตามการเกิดผื่น ลักษณะผื่น อาจเป็นผื่นราบสีแดง ผื่นนูนสีแดง หรือตุ่มน้ำใสก็ได้

                          2.  โรคหัด อาการคือมีไข้ ตาแดง น้ำมูกไหล ไอแห้ง เจ็บคอ หลังจากนั้น 3-4 วัน จะพบจุดหรือตุ่มสีขาวตรงกระพุ้งแก้ม และจะเกิดผื่นนูนแดงขึ้นในวันที่ 4 ของการมีไข้ แต่จะเริ่มต้นจากบริเวณหลังหูและในบริเวณแนวผม ตามด้วยหน้า ลำตัวและแขนขา เมื่อผื่นถึงเท้า ไข้จะลดลง 

                         3. หัดเยอรมัน อาการคือมีไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะ และปวดกล้ามเนื้อ หลังจากนั้น 2-3 วันจะพบผื่นสีแดงตามผิวหนัง โดยเริ่มจากหน้า ตามด้วยลำคอและแขนขา อาจมีต่อมน้ำเหลืองโตโดยเฉพาะที่บริเวณหลังใบหู และท้ายทอย 

                          4. หัดกุหลาบ หรือ ส่าไข้ แต่จะพบในเด็กเล็ก ส่วนใหญ่พบในช่วงอายุ 6-12 เดือน และมากกว่า 95% พบในช่วงไม่เกิน 2 ปี โอกาสที่จะเป็นในผู้ใหญ่นั้นแทบไม่มี และอาการคือมีไข้สูงลอยนาน 3-5 วัน เบื่ออาหาร หลังจากไข้ลง จะมีเม็ดผื่นสีชมพูคล้ายกับสีดอกกุหลาบขึ้นที่ลำตัวก่อน แล้วกระจายไปที่หน้า และแขนขา 

                           5. เป็นซิฟิลิส หากผื่นที่เกิดขึ้น มีลักษณะเป็นตุ่มนูนสีแดง เกิดขึ้นทั่วตัว รวมถึงที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า อาจเป็นอาการของซิฟิลิสระยะที่ 2 ได้ ซึ่งหากเคยมีเพศสัมพันธ์ และประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้วมีแผลเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศ ก็น่าจะเป็นได้ ซึ่งก็ควรไปตรวจเลือดหาการติดเชื้อซิฟิลิสด้วย

                          นอกจากนี้ อาจเป็นอาการของการติดเชื้อ HIV ในระยะเฉียบพลันก็ได้ หากได้ไปมีความเสี่ยงมาในช่วง 2-4 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น ซึ่งในกรณีนี้ ก็ควรไปตรวจเลือดหาการติดเชื้อ HIV ด้วยค่ะ

                           หากมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงมา แนะนำควรตรวจเลือดดูด้วยดังกล่าวไป แต่หากไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ ก็ให้ดูแลรักษาตามอาการไปก่อน เช่น หากมีอาการคัน ก็ให้ทานยาแก้แพ้แก้คัน เช่น คลอเฟนิรามีน (chlorpheniramine) , ลอราทาดีน (loratadine) เป็นต้น หลีกเลี่ยงการแกะ เกาผื่น หลีกเลี่ยงไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น โดยการไม่ใช่สิ่งของส่วนตัวต่างๆ ร่วมกัน แยกการทานอาหารต่างหาก ไม่นอนเตียงเดียวกัน เป็นต้น