-
ได้รักษาซิฟิลิสโดยการฉีดยา 3 ครั้ง ต่อมามีไข้ ได้ยาฆ่าเชื้อมาทาน แล้วมีผื่นขึ้น เป็นเพราะอะไร
-
Aug 05, 2020 at 10:24 AM
ผมได้รับการรักษาซิฟิลิสด้วยการฉีดยา 3 ครั้ง ครบ 1 เดือน แล้วมีไข้จึงไปหาหมอที่ รพ เพราะกลัวเป็นไข้เลือดออกคุณหมอจึงทำการเจาะเลือดปรากฎว่าคุณหมอแจ้งว่าไข้เพราะร่างกายได้รับเชื้อแบคทีเรีย คุณหมอให้ยาพารา และยาฆ่าเชื้อ พอผมทานยาฆ่าเชื้อมาได้เม็ดที่ 3 ตื่นเช้ามาปรากฏว่ามีผืนแดงขึ้นที่แขน อาการดังกล่าวแสดงว่าผลการรักษาไม่ดีขึ้น หรือเป็นเพราะการกินยาฆ่าเชื้อครับ ปล.ค่อนข้างกังวลใจเพราะ รพ ที่รักษาซิฟิลิสนัดตรวจเดือนตุลาเลยครับ
Aug 05, 2020 at 10:44 AM
สวัสดีค่ะ คุณ 10tb10,
หากได้ฉีดยารักษซิฟิลิสไป 3 ครั้ง โดยฉีดสัปดาห์ละครั้ง แสดงว่าเป็นโรคซิฟิลิสในระยะสงบ (ระยะแฝง) ซึ่งจะไม่มีอาการใดๆ และหลังจากนั้น 6-12 เดือน แพทย์จึงจะนัดตรวจเลือดดูค่ะ
ดังนั้น อาการมีไข้ที่เกิดขึ้นมา จึงไม่ได้เกิดจากโรคซิฟิลิส แต่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ ซึ่งมีได้มากมาย ทั้งนี้ หากได้ไปพบแพทย์และเจาะเลือดตรวจแล้ว พบว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรีย ก็น่าจะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางอย่างค่ะ ซึ่งไม่ใช่ไข้เลือดเลือดออก เพราะเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส
สำหรับผื่นแดงที่เกิดขึ้นที่แขน อาจเป็นอาการของการแพ้ยาได้ เนื่องจากมีประวัติได้ทานยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อไป หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ผื่นแพ้ แมลงสัตว์กัดต่อย ผื่นลมพิษที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอยู่ หรือมีการติดเชื้อแบทีเรียที่ผิวหนัง เป็นต้น แนะนำควรหยุดทานยาไปก่อน เพื่อความปลอดภัย และรีบไปพบแพทย์ที่ได้ตรวจรักษาไป เพื่อตรวจว่าผื่นที่เกิดขึ้น เกิดจากสาเหตุใดค่ะ ทั้งนี้ ผื่นที่เกิดขึ้น ไม่น่าเกิดจากโรคซิฟิลิส เพราะผื่นจะเกิดขึ้นในระยะที่ 2 (ระยะเข้าข้อออกดอก)ไม่ใช่ระยะสงบค่ะ
-
ถามแพทย์
-
ได้รักษาซิฟิลิสโดยการฉีดยา 3 ครั้ง ต่อมามีไข้ ได้ยาฆ่าเชื้อมาทาน แล้วมีผื่นขึ้น เป็นเพราะอะไร