ถามแพทย์

  • หลังหยุดทานยาคุม ได้มีประจำเดือนมา แล้วมีเพศสัมพันธ์ ตรวจเลือดพบค่า HCG =1.2 ท้องไหม

  •  bbeampnk
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะคุณหมอ พอดีอยากสอบถามคุณหมอหน่อยค่ะว่า พอดีดิฉันหยุดการรับประทานยาคุมกำเนิดยี่ห้อyasminตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์(ระหว่างแผง) เลยมีประจำเดือนออกมาในช่วงวันที่5-6มีนาคม(ปริมาณไม่เยอะมาก) และหลังจากนั้นก็มีประจำเดือนมาอีกครั้งในช่วงวันที่21-23มีนาคม ระหว่างนั้นก็มีเพศสัมพันธ์ตามปกติ และไม่ได้หลั่งใน (ไม่กังวลในกรณีถ้าเกิดมีบุตร) แล้ววันที่19เมษายนไปตรวจค่าHCGที่โรงพยาบาลได้ค่า1.20ค่ะ และได้ทำการตรวจภายใน จนกระทั่งถึงปัจจุบันก็ไม่มีประจำเดือนมาเลย เลยอยากสอบทราบคุณหมอค่ะว่า เป็นไปได้ไหมคะ ที่จะตั้งครรภ์ เพราะเคยเห็นคุณแม่หลายๆท่าน ตรวจครรภ์ช่วง3เดือนแรก แต่ไม่พบผลการตั้งครรภ์ และมาเจอในเดือนที่4-5 อย่างดิฉันจะเป็นแบบนั้นได้ไหมคะ ขอบคุณค่ะ 🙏🏻

    สวัสดีค่ะ คุณ bbeampnk,

                            หากหลังจากที่หยุดทานยาคุมกำเนิดแล้ว ได้มีเพศสัมพันธ์ ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ โดยหากไม่ได้มีการหลั่งใน แต่ใช้วิธีการหลั่งนอก ก็จะมีโฮกาสตั้งครรภ์ได้ประมาณ 4%-22% ดังนั้น หากประจำเดือนไม่มา ก็ควรตรวจหาการตั้งครรภ์ดูเรื่อยๆ โดยควรตรวจหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ

                            สำหรับการตรวจพบค่า HCG ได้ 1.2  mIU/ml ในวันที่ 19 เม.ย. ก็แสดงว่าไม่น่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเพิ่งมีเพศสัมพันธ์ล่าสุดไปยังไม่นานเกิน 2 สัปดาห์ ค่ายังอาจไม่ขึ้นก็ได้ แนะนำควรลองตรวจซ้ำอีกครั้ง โดยอาจรอไปอีกประมาณ 1 สัปดาห์ และไม่จำเป็นต้องตรวจจากเลือด สามารถตรวจจากปัสสาวะก็ได้ค่ะ

                            หลังจากนี้ หากได้ตรวจหาการตั้งครรภ์จากปัสสาวะซ้ำๆ แล้ว ยังคงไม่พบการตั้งครรภ์ และหากประจำเดือนยังคงไม่มานานเกิน 3 เดือน ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เช่น การผลิตฮอร์โมนของรังไข่ผิดปกติ มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนผิดปกติ เป็นต้น

                             ส่วนการที่บางคนตรวจไม่พบการตั้งครรภืในช่วง 3 เดือนแรก อาจเกิดจากรีบตรวจเร็วไปแต่แรก และไม่ได้ตรวจซ้ำอีก หรือตรวจไม่ถูกต้องค่ะ