ถามแพทย์

  • หยุดทานยาคุม

  •  87654
    สมาชิก
    โดยปกติเป็นคนที่มีรอบเดือน 35-40 วันกว่าเมนจะมา หมอแนะนำให้กินยาคุม เลยกินยาคุมแบบ 21 เม็ด มาประมาณ 1 ปีกว่าๆ แล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมทานยาเม็ดสุดท้ายจนหมดแผง แล้วประจำเดือนมาวันสุดท้ายวันที่ 20 พค. หลังจากนั้นจึงหยุดยาไม่ได้เริ่มแผงใหม่ และไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ใดๆเลยตั้งแต่หยุดกินยาคุม ตอนนี้วันที่ 21 มิย. แล้ว ประจำเดือนยังไม่มา เกิดจากอะไรคะ แล้วเป็นตกขาวเยอะมาก เป็นมาประมาณ 4-5 เดือนแล้ว ไม่หายเลยคะ

     สวัสดีค่ะ คุณ 87654,

                         โดยปกติเมื่อหยุดทานยาคุมกำเนิด ประจำเดือนที่เป็นผลจากยาก็จะมาเป็นปกติ หลังจากนั้น การทำงานของรังไข่และหารตกไข่จะเริ่มกลับมาภายใน 2-3 สัปดาห์ และประจำเดือนก็จะมาภายใน 4-5 สัปดาห์

                         การที่ประจำเดือนยังไม่มา อาจเกิดจาก

                         1. การทำงานของรังไข่และการตกไข่ยังไม่กลับมาเป็นปกติ โดยเฉพาะหากก่อนที่จะเริ่มทานยาคุมกำเนิด มีระยะห่างระหว่างรอบประจำเดือนนานถึง 35-40 วันดังกล่าว 

                        2. การมีความเครียด ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย อดนอน อดอาหาร มีน้ำหนักลด หรือมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็ว จะทำให้รังไข่กลับมาทำงานช้ากว่าปกติได้

                        หากหลังจากหยุดทานยาคุมแล้ว ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์อีก ก็จะไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ดังนั้นแนะนำให้รอประจำเดือนไปอีกซักระยะค่ะ หากประจำเดือนไม่มานานเกิน 3 เดือน จึงควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุค่ะ เช่น มีภาวะถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ (PCOS) มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนเป็นพิษ มีพังผืดในมดลูก เป็นต้น

                       สำหรับตกขาวที่เป็นอยู่ หากตกขาวไม่มีกลิ่นเหม็นรุนแรง ไม่มีคันหรือแสบช่องคลอด ไม่มีปวดท้องน้อย ก็ถือว่าเป็นตกขาวที่ปกติ แต่หากมีลักษณะตามที่บอกไป ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ เช่น มีการติดเชื้อต่างๆ ในช่องคลอด