อายุ 17 ปี หน้ามืดบ่อยมาก เวลาลุกแล้วจะมองอะไรไม่เห็น มีความร้อนค่อยๆขึ้นไปบนหัว ควรไปตรวจไหม

สวัสดีค่ะ คุณ Pornapat Podee,

                    สาเหตุของอาการหน้ามืด ได้แก่

              1. หน้ามืดเป็นลมธรรมดา (vasovagal syncope)  มักเกิดในคนที่ร่างกายและหรือจิตใจอ่อนแอ เช่น ไม่สบาย เพิ่งฟื้นไข้ อดนอน หิวข้าว หิวน้ำ มีความเครียด กังวล หงุดหงิด โกรธ หรือกลัว หรือเกิดจากการออกกำลังกายในที่ร้อน กลางแดด อบอ้าวหรือแออัด ก็อาจเป็นลมร้อนหรือลมแดดได้ (heat syncope)

                 อาการคือจะรู้สึกหัวเบา ตัวเบาๆ ปั่นป่วนในท้อง คลื่นไส้ ขนลุก หน้าซีด มือเท้าเย็นซีด เหงื่อแตก กลั้นปัสสาวะไม่ไหว ตาพร่ามัว มองไม่ชัด แล้วจึงหมดสติไปชั่วครู่ หรืออาจไม่ถึงขึ้นหมดสติก็ได้ 

              2. หน้ามืดเป็นลมเมื่อเปลี่ยนท่า (orthostatic hypotension)  คืออาการหน้ามืด เมื่อมีการเปลี่ยนท่า เช่น จากท่านอนเป็นท่านั่ง หรือท่ายืน โดยเฉพาะถ้าลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว มักพบในผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุ ทานยาบางชนิดอยู่ ร่างกายขาดน้ำหรือเสียน้ำ หรือเสียเลือดมาก มีภาวะโลหิตจาง หรือมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดในสมอง โรคลมชัก โรคหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน เป็นต้น อาการก็จะเหมือนกับการเป็นลมธรรมดา

             3. หน้ามืดเป็นลมเพราะเบ่ง (valsalva maneuver syncope) เป็นอาการหน้ามืด เป็นลมที่เกิดขึ้นหลังการกลั้นหายใจแล้วเบ่ง เช่น เวลาเบ่งอุจจาระในขณะท้องผูกมาก ๆ ขณะที่กำลังจะยกของหนัก ๆ หรือผลักของหนัก ๆ ให้เคลื่อนที่ เป็นต้น ซึ่งเกิดจากเลือดเข้าสู่หัวใจน้อยลง ในขณะที่กลั้นหายใจแล้วเบ่ง ทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย รวมทั้งสมองน้อยลง ซึ่งอาการก็เหมือนกับการเป็นลมธรรมดาเช่นกัน

              หากอาการหน้ามืด เป็นเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนท่าทาง ก็ควรเปลี่ยนท่าทางช้าๆ และในแต่ละวันควรดื่มน้ำให้เพียงพอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นอนดึก งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เป็นต้น หากยังคงมีอาการหน้ามืดทุกครั้งที่เปลี่ยนท่า หรือเป็นในเวลาอื่นๆ ด้วย ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ