มีเสมหะมา 8 วัน รู้สีกคอบวม หายใจลำบากเล็กน้อย เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้า หยุดไปแล้ว เกี่ยวกันไหม

สวัสดีค่ะ คุณ maruken,

                   อาการมีเสมหะเยอะ และในลำคอบวม อาจเกิดจาก

              1. เป็นโรคกรดไหลย้อน  ซึ่งเกิดจากการที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาถึงบริเวณลำคอ ทำให้เกิดการระคายเคืองคอและมีเสมหะได้ โดยเฉพาะเมื่อนอนลง อาการก็จะเป็นได้มากขึ้น และมักมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น แสบร้อนจากช่วงอกไปจนถึงลิ้นปี่ เจ็บหน้าอก มีน้ำรสเปรี้ยวหรือขมในคอ เรอบ่อย เจ็บคอ ระคายเคืองคอ เป็นต้น แต่มักไม่ได้ทำให้รู้สึกหายใจลำบาก

              2. ภูมิแพ้อากาศ แต่นอกจากจะมีเสมหะแล้ว มักมีน้ำมูกใส จาม คันจมูก คันหัวตา คัดจมูก (ซึ่งทำให้รู้สึกหายใจลำบากได้)

              3. โรคหอบหืด อาจทำให้มีเสมหะในลำคอมากได้ แต่ก็มักจะมีอาการเหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ที่จะเกิดขึ้นเป็นพักๆ เมื่อสัมผัสกับสิ่งที่ก่อให้เกิดการแพ้ต่างๆ รวมถึงการสูบบุหรี่ด้วย

              4. การหายใจเอาสารเคมี มลพิษ ฝุ่นละออง ควันบุหรี่เข้าไปบ่อยๆ ซึ่งจะไประคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินหายใจ อาจทำให้มีน้ำมูกมาก และไหลลงคอจนเป็นเสมหะได้ 

              5. เป็นไข้หวัด หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสได้หลายชนิด แต่นอกจากจะมีเสมหะแล้ว จะมีอาการคัดจมูก มีน้ำมูกไหล ไอ เสียงแหบ มีไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตัว เป็นต้น

               6. ไซนัสอักเสบเรื้อรัง มักทำให้มีอาการน้ำมูกมาก ซึ่งน้ำมูกอาจไหลลงคอ ทำให้รู้สึกเหมือนมีเสมหะตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อนอนลง น้ำมูกก็จะไหลลงคอมากขึ้น นอกจากนี้ จะมีอาการคัดจมูก แน่นจมูก การได้กลิ่นลดลง ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น ปวดศรีษะ ปวดตามโหนกแก้ม หน้าผาก เป็นต้น

               7. หลอดลมอักเสบเรื้อรัง แต่มักจะมีอาการไอมากร่วมกับอาการเหนื่อยง่ายด้วย

               หากเคยสูบบุหรี่ไฟฟ้ามา 3 สัปดาห์ แล้วเลิกสูบไปนาน 3 เดือนแล้วแล้ว ก็ไม่น่าเป็นสาเหตุโดยตรง แต่การสูบบุหรี่ อาจไปกระตุ้นให้เกิดกระเพาะอาหารอักเสบ แล้วตามด้วยกรดไหลย้อนได้ หรือกระตุ้นโรคหอบหืด หรือภูมิแพ้ขึ้นมา แต่หากไม่เคยเป็นหอบหืดหรือภูมิแพ้มาก่อน ก็ไม่น่าใช่สาเหตุ 

             ในเบื้องต้น แนะนำควรหยุดทานยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อไปก่อน เนื่องจากยังไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคติดเชื้อจากแบคทีเรีย การทานยาไป อาจได้รับผลข้างเคียงโดยไม่จำเป็นค่ะ และอาจดูแลตนเองแบบโรคกรดไหลย้อนไปก่อน เช่น การเลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย งดการทานเนื้อสัตว์ปริมาณมาก ไม่ทานจนอิ่มเกินไป อาหารต้องรสไม่จัด ไม่ทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอดต่างๆ อาหารผัด ควรเคี้ยวช้าๆ ให้ละเอียด ไม่ทานและกลืนเร็ว ไม่ดื่มน้ำอัดลม อัดแก๊สต่างๆ รวมถึงชา กาแฟ โกโก้ แอลกอฮอล์ และไม่ควรทานอาหารแล้วนอนทันที ให้เว้นระยะไปอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ห้ามทานยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs เช่น แก้ปวดเมื่อย ปวดข้อ เป็นต้น นอกจากนี้ ก็ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่มีฝุ่นละอองมาก หรืออยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ