ถามแพทย์

  • มีผื่นเป็นปื้นแดงนูน มีอาการคันที่อวัยวะเพศ ลูกอัณฑะ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เป็นอาการอะไร

  •  หนูน้อย
    สมาชิก
    ผมมีผื่นเป็นปื้นแดงนูนอาการคันที่อวัยวะเพศลูกอัณฑะ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ผมเป็นมา2เดือนแล้วครับ ก่อนที่จะเป็นผมก็มีเพศสัมพันธ์แต่ว่าป้องกันครับคู่นอนไม่ได้เป็นประจำเดือนด้วย และมีบางวันที่ผมต้องใส่ชุดเปียกทั้งวัน ผมใช้ชีวิตใกล้ลำคลองสกปรกอาจจะมีสารเคมี และเกิดน้ำท่วม เท้าผมก็โดนน้ำ อาการเริ่มแรก เป็นจุดแดงๆเล็กๆที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าจำนวนมาก อาการเริ่มแรกของอวัยวะเพศ คันตรงลูกอัณฑะก่อนครับแล้วลามไปยังอวัยวะเพศ ตอนนี้ไม่ใช่แค่หนังแล้วครับ ลามมายังหัวขององคชาต เริ่มแรก-1เดือน หากโดนน้ำจะคันมากๆ มีเหงื่อจะคันมากๆเลยครับ ทีแรกผมก็นึกว่าแค่เป็นเชื้อราทั่วไป ก็เลยตัดสินใจซื้อยามาทา แรกๆไม่เป็นผล ยังคันมากๆเหมือนเดิม ลองปรึกษาเพื่อนเพื่อนบอกให้ลองใช้ผงวิเศษแต่ผมก็ยังคงคันมากๆ ผมก็เลยตัดสินใจหาข้อมูลเพิ่ม ปรากฏว่ามีความเชื่อนึงที่ว่าใช้ไนโซรัลแชมพูจะหายได้ ผมก็เลยใช้มา หนังลอกออกทุกวันที่ใช้ครับเหมือนจะดีขึ้น และควบคุมอาการคันได้โดยใช้ขี้ผึ้งเบอร์ 29A ผมก็ใช้มาเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ผมลืมคือฝ่ามือและฝ่าเท้า มันเริ่มคันและเล็บนิ้วมือผมก็มีขุยๆค่อยๆกินๆไป มันทรมานจนผมไม่อยากมีชีวิตอยู่เลยครับคุณหมอ หลังจากที่ผมตัดสินใจไปพบแพทย์ที่รพ.อำเภอ เขาบอกว่าผมเป็นซิฟิลิส ก็ลองตรวจตรงเท้าผมดูก็ไม่พบเชื้อรา ก็ให้ผมตรวจเลือดอีกที ก็บอกผมว่าน่าจะเป็นซิฟิลิส ผมเลยได้ฉีดยาไป1เข็ม และกลับบ้านมา ผมมีอาการจากการฉีดยา penicillin ไข้ขึ้น และดูเหมือนจะดีขึ้น แต่ไม่เลย จากอาการคันที่อวัยวะเพศที่ทำให้ผมทรมานปางตาย ควบคุมไม่ได้อีกแล้ว ยาที่ผมเคยใช้ทาคือขี้ผึ้งเบอร์29A นั้นไม่ค่อยได้ผล เหมือนมันกลับไปช่วงแรกที่ผมคัน มันคันจนผมทำอะไรไม่ได้เลยครับคุณหมอ ช่วยผมทีครับ ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ
    หนูน้อย  พญ.นรมน
    สมาชิก

     สวัสดีค่ะคุณ หนูน้อย

    ซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดเกลียว อาจทำให้เกิดผื่นหรือแผลตามผิวหนัง และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงขึ้นหากไม่รักษา

    การวินิจฉัยใช้การตรวจเลือด คือตรวจระดับภูมิคุ้มกันของร่ายกายต่อซิฟิลิส โดยจะมีระดับค่าความมากน้อยและภูมิคุ้มกันในเลือดที่พบซึ่งจะเก็บไว้ติดตามการรักษา

    การรักษาคือการใช้ยาฆ่าเชื้อกลุ่มเพนนิซิลินฉีดเข้ากล้าม จะฉีดกี่ครั้งขึ้นกับระยะของโรค หลังรักษาแล้วจะมีการเจาะเลือดดูภูมิคุ้มกันอีกครั้ง หากลดมากกว่า 4 เท่าจะถือว่าตอบสนองต่อการรักษา

    ในกรณีนี้ที่หลังจากรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อไปแล้ว อาการไม่ทุเลา ยังมีอาการคันที่อวัยวะเพศมากขึ้นเรื่อยๆ ควรกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายซ้ำอีกครั้ง ให้ได้การวินิจฉัยที่แน่นอน โดยอาการคันที่อวัยวะเพศก็อาจเกิดจากเชื้อราที่ผิวหนัง การติดเชื้อแบคทีเรีย ความอับชื้นจากเหงื่อไคล โดยถ้ามีขุยร่วมด้วย คงต้องขูดไปตรวจหาเชื้อราดูก่อน ถ้าไม่พบ อาจจะรักษาตามลักษณะโรคว่าคล้ายกับอะไรมากที่สุด แนะนำกลับไปพบแพทย์ที่รักษาเดิม หากแพทย์ไม่สามารถรักษาได้ อาจทำการส่งต่อพบแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังค่ะ