มีเพศสัมพันธ์ตอนมีประจำเดือน ต่อมามีเลือดออกสีน้ำตาลแดง 4-5 วัน อยากรู้ว่าเป็นอะไรรึป่าว ท้องไหม

สวัสดีครับ

โดยปกติแล้วประจำเดือนจะมาทุก 28+/-7 วัน(21-35 วัน) และจะมาแต่ละครั้งประมาณ 2-7 วัน จากกรณีของ จขกท ระยะห่างของประจำเดือนมาน้อยกว่า 21 วันซึ่งถือว่าผิดปกติ

ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุเช่น
- จากการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝังคุมกำเนิด หรืออาจจะมีการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดอยู่
- หากกรณีมีประวัติมีเพศสัมพันธ์ที่รวมทั้งใช้วิธีการคุมกำเนิดวิธีใดก็ตาม อาจมีการท้องนอกมดลูก การแท้งคุกคาม/แท้งครบ หรือการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก
- มีความผิดปกติของระบบเลือด เช่น โรคฮีโมฟีเลีย เกล็ดเลือดต่ำ/ทำงานไม่ดี  ตับแข็ง
- มีความผิดปกติที่มดลูกหรือรังไข่ เช่น มีติ่งเนื้อในโพรงมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก/รังไข่/ปากมดลูก หรือภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ เป็นต้น

จากสาเหตุที่กล่าวมาทั้งหมดที่อาจจะเป็นสาเหตุของ จขกท ได้ ซึ่งหาก จขกท มีอาการเลือดออกทางช่องคลอดเป็นมากหรือถี่ขึ้น หรือมีเลือดออกกะปริดกระปรอย แนะนำให้รีบไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายในและหาสาเหตุ ไม่ควรทิ้งไว้นาน เพราะหากเป็นโรคที่ร้ายแรงจะได้สามารถรักษาตั้งแต่ระยะแรก

การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือถ้าป้องกันโดยวิธีหลั่งนอก มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้ ถ้าในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์นั้นฝ่ายหญิงอยู่ในช่วงตกไข่พอดี

สำหรับการคาดคะเนวันตกไข่อย่างคร่าวๆ ก็คือ ในกรณีที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอทุกๆรอบเดือน วันที่โอกาสที่จะมีไข่ตกก็จะเป็นช่วงประมาณด้วย 14+/-2 วัน นับจากวันแรกของวันที่คาดว่าจะมีประจำเดือนรอบถัดไปครับ 

ซึ่งแสดงว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ โดยกรณีที่ในวันที่คาดว่าประจำเดือนจะมาแล้วไม่มา ซึ่งหลังจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันครั้งล่าสุดประมาณ 2 สัปดาห์ แนะนำให้มีการตรวจปัสสาวะด้วยเครื่องตรวจการตั้งครรภ์เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ครับ