ถามแพทย์

  • มีตุ่มขึ้นตามแขนและขาเป็นกลุ่มๆ คืออะไร รักษาอย่างไร ไปพบแพทย์แล้วบอกว่าเป็นผิวแห้ง

  • ภาพตุ่มที่หน้าแข้งขาขวา

    ผิวหนังผิวหนังเป็นตุ่มๆ หลายตุ่มตามภาพ และมีกระจายเป็นแนวกว้างบริเวณหน้าแข้งทั้ง 2 ข้าง ขาขวาขนาดตุ่มเป็นกลุ่มใหญ่ประมาณ 15x5 ซม. มี 3 กลุ่ม ขาซ้ายเล็กกว่าขนาดประมาณ 10x3 ซม. มี 1 กลุ่ม และเป็นที่แขนทั้ง 2 ข้างเป็นกลุ่มเล็กๆ ขนาดประมาณเหรียญ 10 บาท แขนขวา 1 กลุ่ม แขนซ้าย 2 กลุ่ม  อยากทราบว่า คืออะไร รักษาอย่างไรครับ

    ไปหาหมอผิวหนังในตัวจังหวัดแล้ว หมอดูๆ ไม่ได้ตรวจละเอียด แล้วบอกว่าผิวหนังแห้ง ไม่ให้ถูสบู่ แล้วให้ยามาทา แต่รักษามา 2-3 เดือนแล้ว เป็นมากขึ้น ไม่หายครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ นัต รักในหลวง,

                     ตุ่มเล็กๆ บนผิวหนังบริเวณขา และแขน หากไม่มีอาการคัน ไม่เจ็บ ไม่แสบ น่าจะเป็นโรคขนคุด ซึ่งเกิดจากการสะสมของเคอราตินที่มากไป และไปทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันของรูขุมขน และทำให้ขนไม่สามารถโผล่พ้นผิวหนังออกมาได้ จึงเกิดเป็นตุ่มตามรูขุมขนมากมาย ทำให้เวลาสัมผัสผิวหนังดูสากคล้ายกระดาษทราย บริเวณที่พบบ่อย คือ ต้นแขนด้านนอก ต้นขาด้านนอก มักไม่มีอาการคันหรือเจ็บ ยกเว้นเกิดการอักเสบร่วมด้วย

                      โรคขนคุดไม่มีทางรักษาให้หายขาด แต่เมื่ออายุมากขึ้น อาการจะค่อยๆหายไปได้เอง การดูแลที่จะช่วยไม่ให้เป็นมากขึ้น เช่น

                          - ไม่แกะ ไม่เกา หรือขัดถูผิวหนังบริเวณที่เป็นขนคุดรุนแรงเกินไป

                          - ไม่ควรใช้น้ำอุ่นอาบน้ำ หรือแช่น้ำนานเกินไป เพราะเมื่ออาบน้ำร้อนหรืออยู่ในน้ำเป็นเวลานานจะทำให้ไขมันที่ผิวหนังถูกกำจัดไปและทำให้ผิวแห้ง อาการก็จะยิ่งเป้นมากขึ้น

                           - หลีกเลี่ยงสบู่หรือครีมอาบน้ำที่รุนแรงและทำให้ผิวแห้งเกินไป

                           - ใช้ครีมบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวเป็นประจำ และอาจเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น urea cream, AHA, salicylic acid เป็นต้น 

                           - หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่คับหรือเข้ารูปจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการเสียดสีที่ผิวหนัง

                          นอกจากนี้แล้ว ตุ่มที่ผิวหนัง อาจเป็นเนื้องอกของผิวหนังบางชนิดก็ได้ แต่ก็ไม่น่าเป็นหลายๆ ตำแหน่ง

                           หากได้ปฏิบัติตัวตามที่แพทย์สั่งแล้ว ยังคงเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ควรกลับไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังเพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติมและรักษาต่อไปค่ะ