มีการรักษาปานตั้งแต่กำเนิดไหม ​ปานมีสีน้ำตาลมีขน อยู่บริเวณ​ใบหน้าซ้าย

สวัสดีค่ะ คุณ Nisareen Binaree,

                ปานสีน้ำตาลที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด อาจเป็น

                1. ปานสีกาแฟใส่นม (Café-Au-Lait Spots)  จะเป็นจุดหรือรอยปื้นสีแทนหรือน้ำตาล มักมีตั้งแต่ตอนแรกเกิดหรือตอนยังเล็ก เป็นปานดำถาวร มักมีแค่ 1 หรือ 2 จุด หากพบตั้งแต่ 3 จุดขึ้นไป ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาโรคพันธุกรรมต่างๆ เช่น โรคท้าวแสนปมปาน, Legius syndrome, LEOPARD syndrome McCune Albright syndrome เป็นต้น 

                  หากไม่ได้เกิดจ่กโรคทางพันธุกรรม ไม่จำเป็นต้องรักษา หากต้องการความสวยงาม สามารถรักษาด้วยเลเซอร์ต่างๆ ซึ่งมีโอกาสหายได้ ได้แก่ Pulse-dye lase, Er YAG laser Q-switched Nd YAG laser, alexandrite laser

                2. ปานมองโกเลียน (Mongolian Spots) เป็นปานดำแต่กำเนิด มีสีน้ำเงินเทา คล้ายรอยเขียวฟกช้ำ เกิดขึ้นบริเวณหลังส่วนล่างหรือก้น มักหายไปได้เองเมื่ออายุ 4 ปี ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา

                3. ปานดำแต่กำเนิด (Congenital Melanocytic Naevi) มีตั้งแต่ขนาดเล็ก กลางและใหญ่ และอาจพบขนบริเวณปานได้ โดยส่วนใหญ่มักจะโตขึ้นเรื่อยๆตามการเติบโตของ แต่บางรายอาจค่อยๆ เล็กลง และมีส่วนน้อยที่อาจหายไปเองได้ 

                  การรักษาขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่ง หากเป็นขนาดเล็ก อาจไม่จำเป็นต้องรักษา เพราะมีบางรายอาจหายเองได้ หากมีขนาดกลางหรือใหญ่ อาจให้เฝ้าสังเกตลักษณะของปาน หากใหญ่ขึ้นเร็ว สีเปลี่ยนไป ผิวดูขรุขระขึ้น ขอบเขตของปานดูไม่ชัดเจน ก็ควรผ่าตัดออก เพราะอาจกลายเป็นมะเร็งได้ หรือหากต้องการความสวยงาม ก็สามาถรักษาโดยการผ่าตัดออก หรือรักษาด้วยการเลเซอร์ เช่น Ruby Q-switched laser, carbon dioxide laser หรืออาจลอกออกด้วยสารเคมี (chemical peel) เช่น trichloroacetic acid หรือ phenol แต่การรักษาเหล่านี้ มักหลงเหลือรอยโรคอยู่ได้

               4. nevus of Ota, nevus of Hori เป็นปานที่สีออกน้ำสีน้ำเงินเทา หรือน้ำตาลม่วง คล้ายปานมองโกเลียน โดย nevus of Ota จะเป็นที่หน้าผากและรอบดวงตา มักพบตั้งแต่แรกเกิด ส่วน nevus of Hori จะเป็นที่หน้าทั้ง 2 ข้าง ไม่ได้เป็นแต่แรกเกิด จะพบเมื่อโตแล้ว

                 สำหรับการรักษา คือการเลเซอร์ ได้แก่ Q switched  Nd YAG laser, Alexandrute laser, QS ruby laser ,และ intense pulse light laser (IPL) เป็นต้น

                 ดังนั้น แนะนำให้ไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง เพื่อตรวจว่าเป็นปานชนิดใด และควรได้รับการรักษาแบใดที่เหมาะสมค่ะ