ถามแพทย์

  • มีเพศสัมพันธ์ ใช้ถุงยางอนามัยและหลั่งนอก มีเลือดออกกะปริดกะปรอย เกิดจากอะไร

  •  Seun
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ หนูมีประจำเดือนมาวันที่ 29 มกราคม 2561 ประจำเดือนหมด 2 กุมภาพันธ์ 2561 ประมาณวันที่ 9 ก็มีเพศสัมพันธ์กับเเฟนใส่ถุงยางค่ะ เช็คถุงยางว่าไม่รั่วเเล้วเเฟนก็เอาออกมาหลั่งนอก หลังจากนั้นประมาณวันที่ 28-3 กุมภาพันธ์ ก็มีเลือดไหลออกมากระปริบกระปรอยค่ะ เเล้วมาช่วงเดือน เเล้วหนูก็มีอะไรกับเเฟนอีกค่ะเเต่ก็เหมือนเดิมใส่ถุงยางหลั่งนอกเเล้ววันพุธที่ 21-24 มีนาคมก็มีเลือดออกมากระปริบกระปรอยค่ะ
    Seun  Seun
    สมาชิก
    ต่อค่ะเมื่อกี้มือหนูกดผิด มีเลือดไหลออกมาหนูเอาทิชชู่ซับก็มีเลือดติดออกมาบางครั้งก็หยดลงชักโครกเหมือนประจำเดือนมาปกติค่ะเเต่เเค่มาน้อย หนูอยากทราบว่าหนูจะท้องมั้ยค่ะ

     สวัสดีค่ะ คุณ Fokesame,

                          การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 9 ก.พ. โดยใช้ถุงยางอนามัยร่วมกับการหลั่งนอก โอกาสที่จะตั้งครรภ์นั้นถือว่าน้อยอยู่ค่ะ

                          ส่วนเลือดที่ออกในวันที่ 28 ก.พ. ถึง 3 มี.ค. น่าจะเป็นเลือดประจำเดือน เนื่องจากอยู่ในช่วงวันที่ประจำเดือนควรจะมา 

                          หลังจากนั้น ได้มีเพศสัมพันธ์อีก และใช้ถุงยางอนามัยร่วมกับการหลั่งนอกเหมือนครั้งก่อน ดังนั้นโอกาสที่จะตั้งครรภ์นั้นจึงว่าถือว่าน้อยเช่นกัน

                          สำหรับเลือดที่ออกในวันที่ 21-24 มี.ค. นั้น อาจไม่ใช่เลือดประจำเดือน เนื่องจากมาห่างจากรอบที่แล้วเพียง 22 วัน เลือดที่ออกกะปริดกะปรอยดังกล่าวอาจเกิดได้จากสาเหตุ เช่น

                          - การตั้งครรภ์ที่ผิดปกติ เช่น แท้งคุกคาม แท้งไม่ครบ เป็นต้น แต่มักจะมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม แม้โอกาสที่จะตั้งครรภ์นั้นน้อย แต่ก็มีความเป็นไปได้ จึงแนะนำให้ลองตรวจหาการตั้งครรภ์ดูก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ

                           - เป็นผลจากการใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด รวมถึงยาสตรีอาหารเสริมต่างๆ

                           - มีการติดเชื้อในช่องคลอด มีมดลูกอักเสบ มักมีตกขาวที่ผิดปกติและปวดท้องน้อยร่วมด้วย รวมถึงอาการเจ็บหรือแสบในช่องคลอด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น

                           - มีความผิดปกติของมดลูกและรังไข่ เช่น มีติ่งเนื้อในโพรงมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น

                            - มีโรคอื่นๆ เช่น ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ หรือไทรอยฮอร์โมนเป็นพิษ เกร็ดเลือดต่ำ เป็นต้น

                            แนะนำให้ลองตรวจหาการตั้งครรภ์ดูเป็นอันดับแรกค่ะ หากตรวจไม่พบ อาจลองสังเกตเลือดที่ออกไปก่อนได้ค่ะ หากยังคงมีเลือดออกกะปริดกะปรอยอยู่เรื่อยๆ หรือมีเลือดออกปริมาณมาก หรือมีปวดท้องน้อย ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุค่ะ

    Seun  benyapha
    สมาชิก

    รบกวนสอบถามคุณหมอค่ะ

    ฉีดยาคุมกำเนิดเเบบ 1 เดือน แต่ประจำเดือนไม่มา 2 เดือนแล้ว

    ตรวจการตั้งครรภ์ไม่ท้อง เดือนนี้จึงหยุดฉีดยา

    จพทำอย่างไรให้ประจำเดือนมาตามปกติคะ

    ขอบคุณมากค่ะ