ถามแพทย์

  • ทานยาคุมไป 1 เดือน ในเดือน เม.ย. หลังจากนั้นประจำเดือนมา 2 เดือนครั้ง แล้วมีตกขาวปนเลือดออกมา

  •  Chaloemkhwan Attano
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะหมอ ช่วงเดือนเมษาทานยาคุมไป 1 เดือน เดือนพฤษภา ประจำเดือนมาปกติ แต่เดือนถัดมาประจำเดือนไม่มี และมีประเดือนอีกครั้งในเดือนถัดไป และประเดือนก็มาแบบนี้ 2 เดือนมา 1 ครั้ง จนถึงเดือนนี้เมื่อวันที่ 25 มี ตกขาวปนเลือด คล้ายประจำเดือนติดกางเกงในนิดเดียว เลยคิดว่าประจำเดือนมาแต่ไม่มีค่ะ มันเป็นคล้ายๆ ประจำเดือนเพิ่งมาติดที่อวัยวะเพศนิดเดียว เป็นมา 2-3 วันแล้วค่ะ เป็นแต่ตอนตื่นนอน ตกขาวที่มีมาไม่มีความผิดปกติ ไม่ปวดท้องหรือมดลูกค่ะ กลัวมากเลยแต่ไม่กล้าไปหาหมอค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Little princess,

                           หากได้หยุดทานยาคุมกำเนิดไปแล้วตั้งแต่เดือน พ.ค. และหลังจากนั้น ประจำเดือนได้มา 1 ครั้งในช่วง 2 เดือน และต่อมามีตกขาวปนเลือด ถือเป็นอาการมีประจำเดือนที่ผิดปกติและอาการเลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติ โดยอาจเกิดจาก

                           - มีการตั้งครรภ์แล้วมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น เช่น แท้งคุกคาม เป็นต้น 

                           - การอักเสบของช่องคลอด จากการติดเชื้อต่างๆ เช่น หนองใน ปรสิต เป็นต้น 

                           - มดลูกอักเสบติดเชื้อ แต่จะมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย

                           - ผลข้างเคียงจากการใช้ยาฮอร์โมนอื่นๆ เช่น ยาสตรี สมุนไพร อาหารเสริมต่างๆ

                           - การผลิตฮอร์โมนของรังไข่ผิดปกติ

                           - มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนผิดปกติ

                          หากหลังจากที่หยุดทานยาคุมกำเนิด ได้มีเพศสัมพันธ์ แนะนำควรลองตรวจหาการตั้งครรภ์ดูด้วยค่ะ หากตรวจไม่พบ แต่ยังคงมีตกขาวปนเลือดออกมาเรื่อยๆ หรือประจำเดือนยังคงนานๆ มาสักครั้ง แนะนำควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ