ถามแพทย์

  • ประจำเดือนมา 2 ครั้งใน 1 เดือน หลังจากปัสสาวะอักเสบ

  •  Naree Chaiyana Sansuwan
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะ คือเพิ่งเป็นประจำเดือนเมื่อวันที่ 15-19 ที่ผ่านมาสีของเลือดก็ปกติดีหลังจากนั้นมีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบต้องกินยาฆ่าเชื้อจนครบตามที่หมอสั่งจนหายเป็นปกติ วันนี้ (31 พ.ค.)มีอาการปวดท้องประจำเดือนและมีเลือดออกมาด้วยอยากทราบว่าเกี่ยวกับการกินยาฆ่าเชื้อไหมคะ หรือจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคอื่นๆได้ไหมคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Naree Chaiyana Sansuwan

    ตามปกติแล้ว ผู้หญิงที่ผ่านเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ควรมีประจำเดือนมาตรงตามรอบค่ะ ทั้งนี้ถ้าเกิดประจำเดือนมาไม่ตรงรอบเดือน มาไม่สม่ำเสมอ หรือมีเลือดออกที่นอกเหนือไปจากรอบเดือน มีโอกาสที่จะเป็นเลือดที่ออกผิดปกติค่ะ

    ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตามปกติประจำเดือนจะมาทุก 24-38 วัน โดยที่จำนวนวัน ปริมาณเลือดประจำเดือน ควรมีลักษณะที่เหมือนเดิมตลอดค่ะ ดังนั้นการที่มีรอบเดือนมาเร็วกว่าปกติ อาจเป็นเลือดที่ออกผิดปกติได้ค่ะ ซึ่งอาจต้องหาสาเหตุค่ะ

    ถ้าไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ (ที่มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์) หรือ ไม่ได้ใช้ยาฮอร์โมน หรือ ยาคุมกำเนิด สาเหตุส่วนมากอาจเกิดจาก

    -การไม่ตกไข่ (Anovulation) สามารถเกิดได้ในคนอายุน้อย หรือถ้าอายุค่อนข้างมากใกล้วัยทองก็อาจเกิดได้ค่ะ เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการปรับระบบฮอร์โมนในร่างกายค่ะ 

    -การติดเชื้อ ซึงอาจเกิดจากการตกเชื้อที่ปากมดลูก อุ้งเชิงกราน มดลูก หรือรังไข่

    -ติ่งเนื้อที่ปากมดลูก หรือที่เยื่อบุโพรงมดลูก

    -เนื้องอก 

    แต่ถ้ามีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรถ์อาจต้องตรวจปัสสาวะเพื่อดูการตั้งครรภ์ร่วมด้วยค่ะ 

    เนื่องจากการเกิดประจำเดือนในแต่ละรอบสัมพันธ์กับระบบฮอร์โมนภายนร่างกาย ซึ่งสามารถแปรปรวนได้ในบ้างครั้ง นอกเหนือจากสาเหตุข้างต้น ยังสามารถเกิดได้จากการที่มีภาวะเครียด ออกกำลังกายหักโหม น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น พักผ่อนไม่เพียงพอ 

    ส่วนยาฆ่าเชื้อที่รับประทานเพื่อรักษากระเพาะปัสสาวะ ส่วนมากมักไม่ส่งผลต่อรอบประจำเดือนค่ะ