ถามแพทย์

  • ประจำเดือนหมดแล้ว 1 สัปดาห์ ก็มาใหม่อีก เป็นมา 3 ครั้งแล้ว ไม่มีปวดท้อง เกิดจากสาเหตุอะไร

  •  Inoon Onair
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะคุณหมอ
    ตอนนี้มีปัญหาเรื่องประจำเดือนมาเยอะผิดปกติค่ะ 
    ปกติไม่เคยเป็นเลย มันเพิ่งจะมาเริ่มเมื่อปลายเดือนตุลา 
    ปกติประจำเดือนมาจะต้องมีอาการปวดท้อง
    แต่เมื่อปลายเดือนตุลา ไม่มีอาการปวดท้องเลยค่ะ
    พอประจำเดือนหมด ผ่านไป 1 สัปดาห์
    เข้าเดือนใหม่ ประจำเดือนก็มาอีก แต่คิดว่าคงเป็นปกติ
    หายไปอีก 1 สัปดาห์ ก็กลับมาเป็นใหม่ 
    จนครั้งนี้ ครั้งที่ 3 ในรอบเดือนสิงหาคม 
    แต่ว่าเลือดสีเข้มกว่าปกติ เป็นสีน้ำตาลเข้มเลยค่ะ
    อยากทราบว่า ปัญหาที่เจออยู่มันจะร้ายแรงไหมคะ 
    แล้วสาเหตุส่วนใหญ่ เกิดจากอะไรได้บ้างคะ อันตรายไหม

     สวัสดีค่ะ คุณ Inoon Onair,

                    การมีประจำเดือนมาบ่อย หรือมีระยะห่างระหว่างรอบประจำเดือนน้อยกว่า 21 วัน อาจเกิดจาก

                    1. ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ เช่น แท้งคุกคาม แท้งไม่ครบ เป็นต้น แต่มักมีอาการปวดท้องร่วมด้วย

                    2. การทำงานผลิตฮอร์โมนของรังไข่ผิดปกติ 

                     3. ความผิดปกติที่มดลูก เช่น เนื้องอกมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น

                     4. มีโรคในระบบอื่นๆ เช่น มีภาวะเกร็ดเลือดต่ำ ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ เป็นต้น

                      5. การใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ เช่น ยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝังคุมกำเนิด ยาสตรี สมุนไพร อาหารเสริมต่างๆ รวมถึงยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เป็นต้น

                      6. มีมดลูกอักเสบติดเชื้อ แต่จะมีตกขาวที่ผิดปกติและอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย

                       หากมีเพศสัมพันธ์ อาจลองตรวจหาการตั้งครรภ์ดูก่อนค่ะ หากตรวจไม่พบ แต่ยังคงมีประจำเดือนมาบ่อย แนะนำให้ไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ ไม่ควรปล่อยให้มีเลือดออกบ่อยๆ ดังกล่าว เพราะจะทำให้เกิดภาวะโลหิตจางตามมาได้ 

    Inoon Onair  Inoon Onair
    สมาชิก

    ขอบคุณค่ะ คุณหมอ :D