ประจำเดือนมา 20 พ.ค. แล้วไม่มาอีก ตรวจแล้วไม่ท้อง เป็นคนอ้วน หนักร้อยสิบกว่าโล

สวัสดีค่ะ คุณ joonjan,

                   การที่ประจำเดือนไม่มานาน 2 เดือน อาจเกิดจาก

                   1. การตั้งครรภ์ แต่หากได้ตรวจหาการตั้งครรภ์อย่างถูกต้องถึง 3 ครั้งแล้ว พบขึ้นเพียง 1 ขีด ก็แสดงว่าไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ

                   2. มีความเครียด การทำงานหนัก พักผ่อนน้อย อดนอน นอนดึก อดอาหาร มีน้ำหนักลด หรือมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็ว

                    3. การผลิตฮอร์โมนของรังไข่ผิดปกติไป เช่น มีภาวะถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ (PCOS) โดยผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะมีรูปร่างอ้วน ผิวมัน มีสิวเยอะ และมีขนดกมากกว่าผู้หญิงทั่วไป

                   4.โรคอ้วน เนื่องจากคนอ้วนมีเซลล์ไขมันจำนวนมาก ซึ่งเซลล์ไขมันสามารถสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ในปริมาณเล็กน้อย เมื่อมีปริมาณมากเกิน จึงกระทบต่อการหลั่งฮอร์โมนเพศที่ปกติได้

                5. มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนเป็นพิษ หรือไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ

                6. มีพังผืดเกิดขึ้นในมดลูก จากการเคยมีมดลูกอักเสบ

                หากประจำเดือนไม่มานานเกิน 3 เดือนแนะนำควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ ซึ่งในกรณีของคุณ joonjan น่าจะเกิดจากสาเหตุของการมีน้ำหนักตัวมากค่ะ ดังนั้น หากแพทย์ไม่ได้ตรวจพบโรคอื่นๆ ที่อาจเป็นสาเหตุอีก แพทย์ก็จพจ่ายยาปรับฮอร์โมนมาให้ทานค่ะ

                 สำหรับน้ำหนักตัวที่มากกว่า 100 กิโลกรัมนั้น ถือว่าเป็นโรคอ้วน ที่อยู่ในระดับของความรุนแรงมาก แนะนำให้ไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งต้องอาศัยแพทย์หลายด้านช่วยดูแล ได้แก่ ทางด้านโภชนาการ เพื่อแพทย์จะได้แนะนำสัดส่วนและชนิดอาหารที่เหมาะสมกับเรา แพทย์ทางระบบต่อมไร้ท่อ ซึ่งในบางรายอาจเกิดจากระบบฮอร์โมนผิดปกติ แพทย์ก็จะได้ให้ยารักษาร่วมไปด้วย แพทย์ทางกายภาพบำบัด เพื่อดูแลการเคลื่อนไหวและข้อต่อของเราไม่ให้เกิดปัญหาเนื่องจากการรับน้ำหนักที่มากเกินไป รวมไปถึงจิตแพทย์ด้วยค่ะ เนื่องจากบางคนอาจมีปัญหาในการเข้าสังคม เกิดภาวะซึมเศร้าตามมา 

                หากปล่อยไว้ไม่รักษา ก็จะเกิดหลายๆ โรคตามมา ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง นิ่วในถุงน้ำดี กรดไหลย้อน โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ หอบหืด ปวดตามกระดูกข้อต่อ ปวดหลัง ข้อเสื่อม และเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะอาหาร เป็นต้น

                 สำหรับการปฏิบัติด้วยตัวเองโดยทั่วไปคือ การทานอาหารเป็นมื้อ งดอาหารจุบจิบระหว่างมื้อ อาหารในแต่ละมื้อให้ค่อยๆ ทยอยลดปริมาณลง หลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งแปรรูป อาหารที่มีรสชาติหวาน และอาหารที่มีไขมันสูง รวมถึงลดขนมทุกชนิด งดการดื่มเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำเปล่า อาหารควรเน้นผักและผลไม้เป็นหลัก ผลไม้เป็นลูกทานได้ แต่ไม่แนะนำการดื่มน้ำผลไม้ หาเวลาออกกำลังกายให้ได้ทุกวัน วันละ 30 นาที แต่ทั้งนี้ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะว่าออกกำลังวิธีไหนที่เหมาะสมกับเรา และหัวใจควรเต้นไม่เกินเท่าไหร่ เนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้ค่ะ  

                  นอกจากนี้ ควรชั่งน้ำหนักทุกสัปดาห์เพื่อดูน้ำหนักว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ การลดน้ำหนักไม่ควรรีบร้อนและหักโหมค่ะ ที่สำคัญคือห้ามซื้อยาลดความอ้วนและอาหารเสริมต่างๆ ทานเอง เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงที่อันตรายได้