ตรวจพบว่ามีซิฟิลิซ ได้ยารักษามาแล้ว แต่ยังมีผื่นขึ้น เกิดจากอะไร

 สวัสดีค่ะคุณOmniay

ซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดมาจากเชื้อแบคทีเรียชนิดเกลียว ทำให้มีอาการแผลที่อวัยวะเพศ ผื่นตามตัวหรือผื่นที่ฝ่ามือฝ่าเท้า ในระยะแรก หลังจากนั้นถ้าปล่อยไว้นานหลายปีไม่ได้รักษาจะลุกลามไปทำให้เกิดโรคในระบบประสาท สมอง หรือหัวใจและหลอดเลือดได้ จึงควรได้รับการรักษาทันทีเมื่อทราบว่าเป็น โดยการใช้ยาฆ่าเชื้อเพนนิซิลินภายใต้การดูแลของแพทย์

โดยการรักษาซิฟิลิซคือการฉีดยาเพนนิซิลินนั้น อาจทำให้มีผื่นเกิดขึ้นตามมาได้  ซึ่งอาจเกิดจาก 2 สาเหตุหลักคือ

1.แพ้ยา penicillin มักเป็นผื่นแดงขึ้นทั้งตัว มักคัน ในบางรายที่แพ้รุนแรง อาจมีผื่นลอก ผื่นในเยื่อบุช่องปาก ตา อวัยวะเพศ ในกรณีนี้ควรรีบกลับไปพบแพทย์ที่รพ. และแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อออกบัตรแพ้ยาเพื่อจะได้ไม่มีการฉีดหรือกินยาประเภท penicillin อีก เพราะอาจแพ้รุนแรงถึงขั้นหัวใจล้มเหลวหรือช็อคเสียชีวิตได้ การดูแลตนเองเบื้องต้นคือกินยาแก้แพ้ เช่น atarax ร่วมกับทายาสเตียรอยด์เฉพาะที่

2.เป็นปฎิกิริยาของยา penicillin ที่ไปฆ่าเชื้อซิฟิลิส เรียกว่า Jarish-Hexeimer Reaction คือเหมือนเชื้อซิฟิลิซจะเห่อขึ้นมามากตามหลังการรักษาในช่วงแรก ซึ่งจะดีขึ้นได้ภายใน 1-2 วัน  

จ่ากที่กล่าวมาให้สังเกตอาการ ถ้าผื่นยังอยู่แค่ตำแหน่งมือและแขน ไม่ลามมากขึ้น อาจจะนึกถึงว่าเป็นปฏิกิริยาของยา pennicillin มากกว่าการแพ้ยาเลย แต่ถ้าไม่แน่ใจ หรือผื่นเริ่มลุกลาม คันมาก มีเจ็บตา เจ็บปาก เจ็บอวัยวะเพศร่วมด้วย ควรรีบไปกลับพบแพทย์