ถามแพทย์

  • ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ 5-6 วัน ตรวจแล้วไม่ท้อง แต่มีอาการต่างๆ จะท้องไหม

  •  gegiekiki
    สมาชิก
    ช่วงวันที่8-9มี.ค.มีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งนอก(มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด) วันที่1เม.ย. มีเลือดออกมา1หยดและหยุดไป และประจำเดือนมาวันที่2-4เม.ย.(3วัน ปกติจะมา4-5วัน)มาเลทจากปกติไป5-6วัน วันแรกมาเต็มแผ่น วันที่2และ3 ไม่เต็ม(แต่เกือบเต็ม) แต่ตอนกลางคืนไม่มีเลือดออกมาเลยค่ะ กลัวว่าอาจจะไม่ใช่ประจำเดือน พอประจำเดือนหมดเลยลองตรวจดูก็ขึ้น1ขีดค่ะ แต่ก็ยังมีความกังวล หลังจากนั้น10วันก็เลยตรวจอีกรอบก็ขึ้น1ขีดค่ะ และช่วงนี้มีอาการ ท้องอืด ปวดหลัง แน่นท้อง หายใจไม่อิ่มและท้องบวมขึ้นนิดหน่อย จึงกังวงว่าจะตั้งครรภ์ อยากทราบว่าที่ตรวจครรภ์ไปนั้นมีความน่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนคะ แล้วจากอาการดังกล่าวมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ไหมคะ กังวลมากเลยค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ gegiekiki,

                         หากประจำเดือนได้มาแล้วในวันที่ 2-4 เม.ย. แม้จะมาช้าไป 5-6 วัน แต่หากมีเลือดออกมา 3 วัน ก็ถือเป็นประจำเดือนที่ปกติดี และแสดงว่า ไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น นอกจากนี้ หากได้ตรวจหาการตั้งครรภ์แล้ว พบขึ้นเพียง 1 ขีด ก็แสดงว่า ไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ ดังนั้น อาการต่างๆ ที่เป็นอยู่ คือ ท้องอืด ปวดหลัง แน่นท้อง หายใจไม่อิ่ม ท้องบวม จึงไม่ได้เกิดจากการตั้งครรภ์ แต่อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น โรคกรดไหลย้อน กระเพาะอาหารอักเสบ ผลข้างเคียงจากการทานยาบางชนิด การมีความเครียด วิตกกังวล เป็นต้น

                         แนะนำให้ดูแลรักษาแบบโรคกระเพาะและกรดไหลย้อนไปก่อน ได้แก่ ทานเลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอดต่างๆ เนื้อสัตว์ติดมัน หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ไม่ทานเผ็ด ไม่ควรทานจนอิ่มเกินไป เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน ทานช้าๆ ไม่เร่งรีบ และไม่ควรทานอาหารก่อนนอนภายใน 2 ชั่วโมง ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เชน ชา กาแฟ และน้ำอัดลมอัดแก๊สต่างๆ ห้ามทานยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs เช่น แก้ปวดเมื่อย ปวดข้อ ปวดประจำเดือน เป็นต้น หากอาการยังไม่ดีขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่ะ