ตกขาวหลังประจำเดือนมา ไม่คัน เป็นฟอง สีเขียวปนเหลือง เกิดจากอะไรรักษาได้ไหม?

สวัสดีค่ะ คุณ BM Wang

สำหรับ ตกขาว ถ้ามีลักษณะการเปลี่ยนเเปลงไปจากตกขาวที่มีอยู่ตามปกติ คือ มีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น มีกลิ่นเหม็น คันช่องคลอด หรืออวัยวะเพศภายนอก มีสีที่ผิดปกติไป เช่น สีเหลือง สีเขียว เป็นฟอง อาจเป็นตกขาวที่ผิดปกติได้ ตกขาว

สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อ หรือการอักเสบของช่องคลอด ไม่ว่าจะเป็น

-หนองใน (Gonorrhea) สัมพันธ์กับการที่เคยมีเพศสัมพันธ์ ตกขาวอาจมีสีเขียวปนเหลือง มีกลิ่นเหม็น หรือมีอาการเเสบคันช่องคลอดมาก ในบางรายมีการติดเชื้อที่รุนเเรงไปถึงท่อปัสสาวะทำใ้ห้มีปัสสาวะเเสบขัดด้วย หรือบางรายอาจปัสสาวะปกติก็ได้ สามารถฉีดยาฆ่าเชื้อร่วมกับรับประทานยาเพื่อรักษาค่ะ

-การติดเชื้อรา (Vulvovaginal candidiasis) โดยตกขาวมักเป็นก้อนสีขาว คล้ายนมบูด สีเหลืองปนบ้าง มีอาการเเสบคันช่องคลอด หรืออวัยวะเพศภายนอกร่วมด้วย ค่อนข้างมาก

-แบคทีเรีย (Bacterial vaginosis) มีตกขาวปริมาณเพิ่มมากขึ้น มีกลิ่นเหม็น แสบคันช่องคลอดไม่มาก บางครั้งมีกลิ่นเเรงมากขึ้น ภายหลังจากการมีเพศสัมพันธ์

-ปรสิต (Trichomonas vaginalis) ตกขาวมีปริมาณเยอะขึ้น มีสีเหลืองปนสีเขียว หรืออาจมีเลือดปน แสบคันช่องคลอดมาก คู่นอนอาจมีสารคัดหลั่งลักษณะคล้ายกันออกจากอวัยวะเพศ บางครั้งอาจมีปัสสาวะเเสบขัดร่วมด้วย

-หนองในเทียม (Chlamydia) ส่วนมากอาการเป็นไม่มาก อาจมีตกขาวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ดังนั้นลักษณะตกขาว สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ แนะนำให้มาตรวจเพิ่มเติม โดยการตรวจภายในค่ะ เพื่อดูว่าเกิดจากสาเหตุอะไรค่ะ เพื่อให้การรักษาที่เหมาะสมที่สุดค่ะ นอกจากนี้ เรื่องที่ประจำเดือนมา 2 ครั้งในรอบเดือน ถ้ามีประวัติเรื่องเคยมีเพศสัมพันธ์เเล้วรอบเดือนผิดปกติไป อาจต้องตรวจปัสสาวะเพื่อดูการตั้งครรภ์ร่วมด้วยค่ะ ถ้าไม่พบการตั้งครรภ์ 

การที่ประจำเดือนผิดปกติไป เช่น มาไม่อยู่ในช่วง 24-38 วัน อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุที่นอกเหนือจากการตั้งครรภ์ เช่น ไข่ไม่ตก ฮอร์โมนผิดปกติ ไทรอยด์ ภาวะเครียด กังวล ไม่สบาย หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกหรือเยื่อบุโพรงมดลูก แนะนำให้มาตรวจภายในก่อนค่ะ