ถามแพทย์

  • มีอาการท้องเสียและคลื่นไส้บ่อยๆ พอหายได้ 1-2 อาทิตย์ก็จะกลับมาเป็นใหม่ เกิดจากอะไร

  •  Mic Pitayatorn
    สมาชิก

    ปีนี้เป็นบ่อยมากค่ะ บางทีก็ไม่ถ่าย 2-3 วัน พอถ่ายทีก็เหมือนท้องร่วง ท้องเสีย มีอาการปวดหัวเวียนหัว คลื่นไส้ แต่ไม่อ้วก  เคยไปหาหมอแล้ว หมอก็ให้ยามาทานก็หายประมาณ 1-2 อาทิตย์ก็มีอาการอีกค่ะ หมอที่ รพ.ก็สันนิษฐานว่าอาจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ อันนี้เกี่ยวมั้ยคะ   หรือเป็นเพราะเราทานของเผ็ดมากไปรึป่าวคะ 

    Mic Pitayatorn  พญ.นรมน
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะคุณ Mic Pitayatorn

    อาการท้องเสียและคลื่นไส้บ่อยๆดังกล่าวมานั้น ถ้าเป็นเรื้อรัง อาจจะเกิดจาก การมีกระเพาะอาหารอักเสบหรือแผลในกระเพาะอาหาร ซึ่งอาการคลื่นไส้อาจจะสัมพันธ์กับมื้ออาหาร แต่ก็อาจจะไม่ได้อธิบายเรื่องอาการท้องเสีย หากท้องเสียเด่น มีปวดท้อง พอถ่ายแล้วจะหายอาจนึกถึงภาวะลำไส้แปรปรวนซึ่งเป็นการทำงานของลำไส้ที่ผิดปกติแบบเรื้อรังได้เช่นกัน สาเหตุอื่นๆ เรื่องลำไส้อักเสบเฉียบพลันหรืออาหารเป็นพิษนั้นก็นึกถึงได้หากเป็นแค่เฉียบพลัน หายสนิท แล้วกลับมามีอาการ คือไปกินอาหารที่ไม่สะอาดซ้ำเข้ามาอีก เป็นต้น

    การรับประทานของเผ็ดอาจจะกระตุ้นให้มีอาการผิดปกติกรณีมีโรคกระเพาะอาหารอักเสบอยู่แล้วได้ หากรู้สึกว่ากินแล้วมีอาการมากขึ้นให้หลีกเลี่ยงไปก่อน ให้รับประทานอาหารรสอ่อนๆ บ่อยง่าย ดื่มน้ำมากๆ ส่วนเรื่องไส้ติ่งอักเสบนั้น จะปวดท้องมากที่ขวาล่างร่วมด้วย และถ้าไม่ผ่าตัดรักษา อาการจะไม่หายไปเอง

    ควรสังเกตอาการ ว่าหลังจากปรับพฤติกรรมดังกล่าวมา ยังมีอาการเป็นมากขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ถ้ายังถ่ายเหลวเยอะ คลื่นไส้มาก กินได้น้อย น้ำหนักลด ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมอีกครั้ง