ทานยาแก้ปวด แล้วเกิดการแพ้ยา ได้ทานยาแก้แพ้แล้ว ต่อมา 7 วัน ไปตรวจเลือด มีค่าเอนไซม์ตับสูง เกี่ยวกับแพ้ยาไหม

สวัสดีค่ะ คุณ Tgemoon,

                    การแพ้ยานั้น อาจแบ่งออกตามความรุนแรงได้เป็น 

                    -  การแพ้ยาแบบไม่รุนแรง เช่น มีผื่นแดงคันตามผิวหนัง 

                    -  การแพ้ยาแบบรุนแรง จะเกิดเป็นตุ่มพองน้ำ และผิวหนังลอกทั่วตัว ได้แก่ สตีเวนส์-จอห์นสัน ซินโดรม (Stevens-Johnson Syndrome) และท็อก-ซิก อีพิเดอร์มัลเนโครไลซิส (Toxic Epidermal Necrolysis) ร่วมกับอาการแทรกซ้อนในระบบอื่นๆ เช่น มีแผลในทางเดินอาหาร ตับอักเสบ เป็นต้น

                    ดังนั้น หากอาการแพ้ยาที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้รุนแรง คือแค่มีผื่นแดงเกิดขึ้น และเมื่อได้ทานยาแก้แพ้ อาการก็หายไป ดังนั้น ก็ไม่น่ามีตับอักเสบเกิดขึ้นค่ะ เพราะไม่ได้เป็นการแพ้แบบรุนแรง

                    ดังนั้น ค่าเอนไซม์ของตับที่ตรวจได้ คือ AST 129 (ค่าปกติ 8 - 46 U/L) ค่า ALT 73 (ค่าปกติ 0 - 48 U/L) และค่า ALP 85 (ค่าปกติ 30 - 120 U/L) ก็แสดงว่ามีค่า AST และ ALT ที่สูงกว่าปกติ โดยสาเหตุมีได้มากมาย ซึ่งการมีไขมันพอกตับ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งได้ค่ะ

                    แนะนำควรนำผลการตรวจค่าเอนไซม์ตับนี้ ไปพบแพทย์ที่ดูแลรักษาเรื่องไขมันพอกตับอยู่ เพื่อตรวจเพิ่มเติมต่อไปว่ามีสาเหตุอื่นๆ ร่วมอีกหรือไม่ เช่น มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบขึ้นมา เกิดตับแข็งขึ้น มีเนื้องอกหรือมะเร็งที่ตับ เป็นต้น และจะได้ให้การรักษาและดูแลติดตามต่อเนื่องต่อไปค่ะ

                    ในเบื้องต้น ก็ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ห้ามซื้อยาใดๆ ทานเอง ห้ามทานอาหารเสริมและสมุนไพรทุกชนิด เพราะยา อาหารเสริม และสมุนไพร หากทานต่อเนื่องนานๆ ย่อมมีผลทำให้เกิดตับอักเสบได้ (แต่ไม่ใช่เป็นอาการแพ้ค่ะ)