-
มีเพศสัมพันธ์ ใส่ถุงยาง กินยาคุม ประจำเดือนมา ต่อมามีเพศสัมพันธ์อีก ไม่ได้กินยาคุม ประจำเดือนไม่มา จะท้องไหม
-
May 31, 2018 at 03:14 PM
เมื่อต้นเดือนที่แล้ว(เมษายน 2018)มีเพศสัมพันธ์แต่ป้องกันโดยการใส่ถุง แล้วทานยาคุมทันที แต่ประจำเดือนมาปกติ ไม่มีผลข้างเคียงอะไร แต่พอมาเดือนนี้(พฤษภาคม 2018) มีเพศสัมพันธ์แต่ก็ยังคงป้องกันโดยการใส่ถุงอย่างทุกทีและเสร็จข้างนอก แต่ครั้งนี้ไม่มีการทานยาคุม พอมาถึงช่วงที่ประจำเดือนต้องมา มันกลับยังไม่มาสักที เดือนที่แล้วมา วันที่26 แต่เดือนนี้ก็วันที่31แล้วก็ยังไม่มา มีอาการปวดเต้านม ปวดท้องเหมือนมีลมในท้อง ไม่มีเลือดออกและไม่ปวดท้องน้อย แต่ช่วงที่ผ่านมามีเรื่องให้เครียด คิดหนักอยู่บ่อยๆ อาการแบบนี้จะท้องไหมคะ หรือเป็นผลข้างเคียงของยาคุมของเมื่อเดือนก่อนคะ?Jun 01, 2018 at 08:24 AM
สวัสดีค่ะ คุณ Chakapat Chumpol,
การมีเพศสัมพันธ์ในเดือน เม.ย.นั้น หากประจำเดือนมาเป็นปกติแล้ว ก็แสดงว่าไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น
ส่วนในเดือน พ.ค. การมีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัย จะมีโอกาสเกิดกาตั้งครรภ์ได้ประมาณ 2%-18% แต่หากได้ใช้การหลั่งนอกร่วมด้วย โอกาสที่จะตั้งครรภ์ก็น้อยลง
ดังนั้นการที่ประจำเดือนยังไม่มา อาจเกิดจาก
1. การตั้งครรภ์ แต่โอกาสก็เป็นไปได้น้อยดังกล่าว
2. การทำงานของรังไข่ยังไม่กลับมาเป็นปกติ (หลังจากการหยุดทานยาคุมกำเนิด) ส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนหลังจากประจำเดือนสุดท้ายของการทานยาคุมที่ 4-5 สัปดาห์ แต่บางรายอาจเร็วหรือช้ากว่านี้ก็ได้
3. มีความเครียด การทำงานหนัก พักผ่อนน้อย อดนอน อดอาหาร มีน้ำหนักลด หรือน้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็ว
สำหรับอาการปวดเต้านม ปวดท้อง มีลมในท้อง อาจเป็นอาการก่อนการมีประจำเดือนมาก็ได้ค่ะ ดังนั้นแนะนำให้รอประจำเดือนไปอีกซัก 1 สัปดาห์หลังจากนี้ หากประจำเดือนยังไม่มา อาจลองตรวจหาการตั้งครรภ์ดูค่ะ
-
ถามแพทย์
-
มีเพศสัมพันธ์ ใส่ถุงยาง กินยาคุม ประจำเดือนมา ต่อมามีเพศสัมพันธ์อีก ไม่ได้กินยาคุม ประจำเดือนไม่มา จะท้องไหม