ถามแพทย์

  • มีเพศสัมพันธ์ ใส่ถุงยาง กินยาคุม ประจำเดือนมา ต่อมามีเพศสัมพันธ์อีก ไม่ได้กินยาคุม ประจำเดือนไม่มา จะท้องไหม

  •  Chakapat Chumpol
    สมาชิก
    เมื่อต้นเดือนที่แล้ว(เมษายน 2018)มีเพศสัมพันธ์แต่ป้องกันโดยการใส่ถุง แล้วทานยาคุมทันที แต่ประจำเดือนมาปกติ ไม่มีผลข้างเคียงอะไร แต่พอมาเดือนนี้(พฤษภาคม 2018) มีเพศสัมพันธ์แต่ก็ยังคงป้องกันโดยการใส่ถุงอย่างทุกทีและเสร็จข้างนอก แต่ครั้งนี้ไม่มีการทานยาคุม พอมาถึงช่วงที่ประจำเดือนต้องมา มันกลับยังไม่มาสักที เดือนที่แล้วมา วันที่26 แต่เดือนนี้ก็วันที่31แล้วก็ยังไม่มา มีอาการปวดเต้านม ปวดท้องเหมือนมีลมในท้อง ไม่มีเลือดออกและไม่ปวดท้องน้อย แต่ช่วงที่ผ่านมามีเรื่องให้เครียด คิดหนักอยู่บ่อยๆ อาการแบบนี้จะท้องไหมคะ หรือเป็นผลข้างเคียงของยาคุมของเมื่อเดือนก่อนคะ?

    สวัสดีค่ะ คุณ Chakapat Chumpol,

                           การมีเพศสัมพันธ์ในเดือน เม.ย.นั้น หากประจำเดือนมาเป็นปกติแล้ว ก็แสดงว่าไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น

                           ส่วนในเดือน พ.ค. การมีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัย จะมีโอกาสเกิดกาตั้งครรภ์ได้ประมาณ 2%-18% แต่หากได้ใช้การหลั่งนอกร่วมด้วย โอกาสที่จะตั้งครรภ์ก็น้อยลง

                           ดังนั้นการที่ประจำเดือนยังไม่มา อาจเกิดจาก

                           1. การตั้งครรภ์ แต่โอกาสก็เป็นไปได้น้อยดังกล่าว

                          2. การทำงานของรังไข่ยังไม่กลับมาเป็นปกติ (หลังจากการหยุดทานยาคุมกำเนิด) ส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนหลังจากประจำเดือนสุดท้ายของการทานยาคุมที่ 4-5 สัปดาห์ แต่บางรายอาจเร็วหรือช้ากว่านี้ก็ได้

                          3. มีความเครียด การทำงานหนัก พักผ่อนน้อย อดนอน อดอาหาร มีน้ำหนักลด หรือน้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็ว

                          สำหรับอาการปวดเต้านม ปวดท้อง มีลมในท้อง อาจเป็นอาการก่อนการมีประจำเดือนมาก็ได้ค่ะ ดังนั้นแนะนำให้รอประจำเดือนไปอีกซัก 1 สัปดาห์หลังจากนี้ หากประจำเดือนยังไม่มา อาจลองตรวจหาการตั้งครรภ์ดูค่ะ