Atenolol (อะทีโนลอล)
Atenolol (อะทีโนลอล) เป็นยาในกลุ่มเบต้าบล็อคเกอร์ (Beta-Blocker) ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจและการไหลเวียนของเลือด ใช้ในการรักษาอาการเจ็บหน้าอก ความดันโลหิตสูง รวมถึงใช้ในการลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตหลังเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย เป็นต้น ควรปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์และฉลากยาอย่างเคร่งครัด และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้
เกี่ยวกับ Atenolol
กลุ่มยา | เบต้าบล็อคเกอร์ |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยารับประทานชนิดเม็ด และยาฉีด |
คำเตือนในการใช้ยา Atenolol
- ไม่ควรใช้ยาในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ เช่น หัวใจเต้นช้ามากกว่าปกติ หัวใจวาย เป็นต้น
- ไม่ควรหยุดใช้ยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะการหยุดยาทันทีอาจส่งผลให้อาการแย่ลงได้
- ควรแจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ให้ทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการใช้ยา หากต้องเข้ารับการผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะใช้ยา เพราะอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนและง่วงซึมได้
- ไม่ควรใช้ยาในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
- ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบเกี่ยวกับเงื่อนไขทางการแพทย์ โดยเฉพาะบุคคลที่อยู่ในกลุ่มดังต่อไปนี้
- ภาวะหัวใจวาย
- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (หลอดเลือดแข็ง)
- โรคปอด เช่น โรคหอบหืด โรคหลอดลมอักเสบ โรคถุงลมโป่งพอง อาจทำให้ผู้ป่วยหายใจลำบาก
- โรคเบาหวาน เนื่องจากตัวยาอาจบดบังอาการจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้หัวใจเต้นไม่เร็วตามที่ควรจะเป็น
- โรคไทรอยด์เป็นพิษ
- โรคตับ โรคไต ควรระมัดระวังการใช้ยา เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการขับยาออกจากร่างกายที่ช้ากว่าปกติ
- เนื้องอกที่ต่อมหมวกไต (Pheochromocytoma)
- โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน เช่น โรคเรเนาด์ (Raynaud's Syndrome)
- โรคภูมิแพ้ ผู้ที่อยู่ในช่วงการรักษาหรือผู้ที่ต้องทำการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง
- หญิงตั้งครรภ์ เพราะยาอาจส่งผลข้างเคียงต่อทารกในครรภ์ได้
- หญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร เพราะมักถูกขับออกไปที่นมมารดาและสามารถส่งผลข้างเคียงต่อทารกได้
- ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบเกี่ยวกับประวัติการใช้ยาที่กำลังใช้หรือเพิ่งหยุดใช้ เพราะอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ได้ โดยเฉพาะยาดังต่อไปนี้
- ยารักษาโรคหัวใจ เช่น ไดจอกซิน (Digoxin) ดิจิทาลิส (Digitalis) เป็นต้น
- ยาแก้ปวดในกลุ่มเอ็นเสด เช่น อินโดเมธาซิน (Indomethacin) เป็นต้น
- ยาอื่น ๆ ในกลุ่มเบต้าบล็อคเกอร์ เช่น ไบโซโปรลอล (Bisoprolol) คาร์วีดิลอล (Carvedilol) ลาเบทาลอล (Labetalol) เมโทโพรลอล (Metoprolol) เนบิโวลอล (Nebivolol) โพรพราโนลอล (Propranolol) โซทาลอล (Sotalol) ทิโมลอล (Timolol) เป็นต้น
- ยาที่เกี่ยวข้องกับหัวใจหรือความดันเลือด เช่น อะมิโอดาโดร (Amiodarone) โคลนิดีน (Clonidine) ดิลไทอะเซม (Diltiazem) ไดโซไพราไมด์ (Disopyramide) นิคาร์ดิปีน (Nicardipine) ไนเฟดิปีน (Nifedipine) รีเซอร์พีน (Reserpine) เวอราปามิล (Verapamil) เป็นต้น
- รวมถึงวิตามินหรือสมุนไพรต่าง ๆ
ปริมาณการใช้ยา Atenolol
ยา Atenolol ใช้ในการรักษาหลายอาการ ขนาดและปริมาณการใช้ยาจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้ป่วยแต่ละราย โดยมีตัวอย่างและรายละเอียดการใช้ยาในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุดังต่อไปนี้
- ยารับประทานชนิดเม็ด สามารถรับประทานได้ทั้งก่อนหรือหลังอาหาร
- ความดันโลหิตสูง ผู้ใหญ่ รับประทานขนาด 50 มิลลิกรัม สูงสุดไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถรับประทานร่วมกับยารักษาความดันโลหิตสูงชนิดอื่น ๆ หรือผู้สูงอายุ จะเริ่มต้นที่ขนาด 25 มิลลิกรัมต่อวัน และมีการเพิ่มความระมัดระวังโดยการดูค่าการทำงานของไตร่วมด้วย
- อาการเจ็บหน้าอก ผู้ใหญ่ รับประทานขนาด 50 มิลลิกรัม สูงสุดไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อวัน เหมาะสำหรับใช้ในการรักษาอาการเจ็บหน้าอกที่มีผลมาจากหลอดเลือดหัวใจตีบ
- กล้ามเนื้อหัวใจตาย ผู้ใหญ่ รับประทานขนาด 50 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวัน หรือขนาด 100 มิลลิกรัม 1 ครั้งต่อวัน เหมาะสำหรับใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่ยังมีการไหลเวียนของเลือดปกติอยู่ เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต
- ยาฉีด
- ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ผู้ใหญ่ ใช้ขนาด 2.5 มิลลิกรัม โดยฉีด 1 มิลลิกรัมทุก 1 นาที อาจฉีดซ้ำทุก 5 นาทีในกรณีที่มีความจำเป็น สูงสุดไม่เกิน 10 มิลลิกรัม หรือขนาด 0.15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมทุก 20 นาที อาจฉีดซ้ำทุก 12 ชั่วโมงในกรณีที่มีความจำเป็น เมื่อสามารถควบคุมการเต้นของหัวใจได้แล้ว ให้รับประทานยาขนาด 50-100 มิลลิกรัมต่อวัน
- กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ผู้ใหญ่ ใช้ขนาด 5-10 มิลลิกรัมภายใน 12 ชั่วโมงหลังพบอาการ อัตรา 1 มิลลิกรัมทุก 1 นาที หากไม่พบผลข้างเคียงจากการฉีด ให้รับประทานยาขนาด 50 มิลลิกรัมในช่วง 15 นาทีต่อมา หรือฉีดซ้ำขนาด 5 มิลลิกรัม โดยเว้นระยะห่าง 10 นาทีหลังจากการฉีดยาเข็มแรก และรับประทานยาขนาด 50 มิลลิกรัม โดยเว้นระยะห่าง 10 นาทีหลังจากการฉีดยาเข็มสุดท้าย อาจให้รับประทานยาขนาด 50 มิลลิกรัมหลังจากนั้น 12 ชั่วโมง และรับประทานยาขนาด 100 มิลลิกรัมทุก 12 ชั่วโมง หากผู้ป่วยไม่สามารถใช้ยาฉีดได้ ควรรับประทานยาต่อไปอย่างน้อย 7 วัน ผู้ป่วยจะต้องรับประทานยาหลังการรักษากล้ามเนื้อหัวใจตายประมาณ 1-3 ปี
การใช้ยา Atenolol
- ยา Atenolol เป็นยาตามใบสั่งแพทย์ โดยพิจารณาจากเงื่อนไขของผู้ป่วยแต่ละราย ควรอ่านฉลากยาและทำตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ควรใช้ยาในปริมาณที่มากหรือน้อยเกินไป และไม่ควรใช้ยานี้เกินกว่าระยะเวลาที่แพทย์สั่ง
- ควรใช้ยาอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์ตามคำสั่งแพทย์เพื่อการเห็นผลที่ชัดเจน
- ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย ควบคู่ไปกับการใช้ยาในการรักษาความดันโลหิตสูง
- หากลืมรับประทานทานยาตามเวลาที่แพทย์สั่ง เมื่อนึกขึ้นได้สามารถรับประทานได้ทันที หากลืมรับประทานยาใกล้กับมื้ออาหารถัดไป ให้รับประทานยาในเวลาและขนาดตามปกติ ไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเพื่อทดแทนในมื้อที่ขาดหายไป
- ควรเก็บยาไว้ที่ที่อุณหภูมิห้อง หรือประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส ไม่ควรเก็บในที่ที่มีความร้อน ความชื้น ไม่ควรสัมผัสแสงโดยตรง รวมถึงปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังใช้ยา และควรเก็บให้ไกลจากมือเด็ก
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Atenolol
ยา Atenolol อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ในขณะใช้ยา ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน หากพบอาการดังต่อไปนี้
ผลข้างเคียงที่พบได้มาก เช่น
- ภาพซ้อน
- มือและเท้าเย็น
- รู้สึกสับสน
- วิงเวียนศีรษะ คล้ายจะเป็นลม เมื่อมีการเปลี่ยนอิริยาบถจากท่านั่งหรือท่านอน
- แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจมีเสียงหวีด
- เหงื่อออกมาก
- เหนื่อย อ่อนแรง
ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย เช่น
- วิตกกังวล ตื่นตกใจ
- เจ็บหน้าอก
- หนาวสั่น
- ไอ
- เป็นลม
- หัวใจเต้นผิดปกติ เร็วหรือช้าเกินไป
- ปวดขา
รวมถึงผลข้างเคียงที่พบได้ยาก เช่น
- ปัสสาวะเป็นเลือด หรือไม่ค่อยปัสสาวะ
- ความดันเลือดสูงขึ้น
- กระหายน้ำ เบื่ออาหาร
- ปวดเอว หรือปวดที่บริเวณข้างลำตัว
- คลื่นไส้ อาเจียน
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
- มีอาการบวมที่ใบหน้า นิ้วมือ หรือขาตั้งแต่ใต้หัวเข่าเป็นต้นไป