วิตามินซี (Vitamin C)

วิตามินซี (Vitamin C)

วิตามินซี หรือกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) คือวิตามินที่ร่างกายต้องการเพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยรักษาสุขภาพของเนื้อเยื่อต่าง ๆ และปกป้องเซลล์ในร่างกายของร่างกาย ช่วยในการสมานแผล และการดูดซึมธาตุเหล็ก รวมถึงเป็นตัวช่วยในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น กระดูก ฟัน และผิวหนัง

ผักผลไม้หลายชนิดที่เป็นแหล่งของวิตามินซี เช่น ส้ม มะเขือเทศ สตรอว์เบอร์รี สับปะรด มะละกอ ฝรั่ง บร็อคโคลี่ และดอกกะหล่ำ แต่ผู้ที่ได้รับวิตามินซีจากอาหารไม่เพียงพออาจจำเป็นต้องรับประทานวิตามินซีในรูปผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพิ่มเติม เพื่อป้องกันและรักษาการขาดวิตามินซี รักษาระดับของวิตามินซีในร่างกาย เนื่องจากหากร่างกายขาดวิตามินซี ร่างกายจะเริ่มเกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ ตามมา เช่น เลือดออกตามไรฟัน

วิตามินซี

เกี่ยวกับวิตามิน ซี

กลุ่มยา วิตามิน
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่หาซื้อได้เอง
สรรพคุณ ป้องกันการขาดและรักษาระดับวิตามินซีในร่างกาย
กลุ่มผู้ป่วย เด็กและผู้ใหญ่
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ Category A จากการศึกษาในมนุษย์ ไม่พบความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์เมื่อใช้ในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ รวมทั้งไม่มีหลักฐานทางการศึกษาที่แสดงว่า มีความเสี่ยงเมื่อใช้ในช่วงหลังเดือนที่สามเป็นต้นไป โอกาสที่จะเกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์มีน้อย
การใช้ยาในผู้ให้นมบุตร วิตามินซีสามารถส่งผ่านน้ำนมมารดาไปสู่ทารกได้ ผู้ให้นมบุตรควรรับประทานวิตามินซีจากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมด้วยความระมัดระวัง โดยรับประทานเสริมในกรณีที่ได้รับวิตามินซีจากอาหารไม่เพียงพอตามคำแนะนำของแพทย์
รูปแบบของยา ยารับประทานชนิดเม็ด

คำเตือนในการใช้วิตามินซี

เพื่อความปลอดภัยในการรับประทานวิตามินซีในรูปแบบอาหารเสริม ผู้รับประทานควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
  • ผู้ที่สูบบุหรี่ มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไต นิ่วในไต และภาวะเหล็กเกิน (Hemochromatosis) หรือต้องเข้ารับการตรวจต่าง ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
  • ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น กรดไหลย้อน และท้องเสีย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานอาหารเสริมวิตามินซี
  • ในกรณีที่เกิดอาการแพ้หรือรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

ปริมาณการใช้วิตามินซี

ปริมาณในการรับประทานวิตามินซีจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ในกรณีที่ใช้ป้องกันหรือรักษาโรค ปริมาณการรับประทานจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงในการขาดวิตามินซี และดุลยพินิจของแพทย์ เช่น

  • การป้องกันโรคลักปิดลักเปิด (Scurvy) ควรได้รับวิตามินซี 25–75 มิลลิกรัม/วัน
  • การรักษาโรคลักปิดลักเปิด ควรได้รับวิตามินซี 250–1,000 มิลลิกรัม/วัน

การใช้วิตามินซี

ผู้ที่รับประทานวิตามินซีควรบริโภคตามรายละเอียดบนฉลากและตามคำแนะนำของแพทย์ โดยไม่รับประทานเกินกว่าปริมาณที่กำหนดเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น โดยรับประทานพร้อมอาหารหรือไม่ก็ได้ ขึ้นกับข้อบ่งใช้ และควรดื่มน้ำมาก ๆ ในช่วงที่รับประทานวิตามินซี

สำหรับผู้ที่ลืมรับประทานในมื้อนั้น ๆ หากนึกขึ้นได้ให้รีบรับประทานในทันที แต่หากเห็นว่าห่างมานานแล้วให้ข้ามไปรับประทานในมื้อถัดไป โดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณการรับประทานในมื้อถัดไปเพื่อทดแทนมื้อที่ลืมรับประทาน

ปฏิกิริยาระหว่างวิตามินซีกับยาอื่น

ผู้ที่รับประทานยาในกลุ่มดังต่อไปนี้ ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนรับประทานวิตามินซี

  • ยาที่มีส่วนผสมของธาตุเหล็ก
  • ยาที่มีส่วนผสมของสารอะลูมิเนียม เช่น ยาลดกรด
  • ยาแอสไพริน (Aspirin)
  • ยาที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) เช่น ยาคุมกำเนิดบางชนิด
  • ยาต้านชัก เช่น ยาเฟนิโทอิน (Phenytoin)
  • ยาชนิดอื่น ๆ เช่น ยารักษาโรคมะเร็งบางชนิด ยาเตตราไซคลีน (Tetracyclines) ยาฟลูเฟนนาซีน (Fluphenazine) ยาวาฟาริน (Warfarin) ยาอินดินาเวียร์ (Indinavir) ยาเลโวไทรอกซิน (Levothyroxine) และไนอะซิน (Niacin)

นอกจากยาที่ได้กล่าวไป ยังอาจมียาชนิดอื่นที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของทั้งตัวยาและวิตามินซีได้เช่นกัน ผู้ที่กำลังใช้ยาชนิดใด ๆ อยู่ รวมถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่าง ๆ ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อน

ผลข้างเคียงของวิตามินซี

หากรับประทานในปริมาณที่แนะนำ วิตามินซีมักไม่ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย โดยคนทั่วไปที่มีสุขภาพดี ไม่ควรได้รับวิตามินซีเกิน 2,000 มิลลิกรัม/วัน ส่วนผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคไตไม่ควรได้รับเกิน 1,000 มิลลิกรัม/วัน เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ 

แต่การบริโภควิตามินซีปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดนิ่วในไตได้ และอาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ได้ดังต่อไปนี้

  • แสบร้อนกลางอก
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • ท้องร่วง ท้องเสีย ปวดท้อง

ในกรณีที่เกิดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น อ่อนเพลีย น้ำหนักตัวลดลงผิดปกติ มีไข้ ปวดหลัง ปวดข้อ ปัสสาวะลำบากหรือมีเลือดปน ควรหยุดรับประทานวิตามินซีแล้วไปพบแพทย์ทันที

เพื่อป้องกันอันตรายและผลข้างเคียงจากการบริโภควิตามินซีในปริมาณที่มากเกินไป ควรรับประทานวิตามินซีในปริมาณที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำ โดยตรวจสอบและกะปริมาณอาหารที่รับประทานในแต่ละวันร่วมด้วย โดยผู้ที่มีสุขภาพปกติ ปริมาณที่เหมาะสมจะอยู่ที่ประมาณ 80 มิลลิกรัม/วัน สำหรับผู้ชาย และ 70 มิลลิกรัม/วัน สำหรับผู้หญิง ส่วนผู้ที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรได้รับวิตามินซี 80 มิลลิกรัม/วัน และ 130 มิลลิกรัม/วันตามลำดับ