อาการของ วัณโรค
สำหรับอาการของวัณโรคนั้น เมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อไวรัสไมโครแบคทีเรียทูเบอร์คูโลซิสแล้ว อาจไม่มีอาการที่แสดงให้เห็นได้โดยทันที เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันจะทำหน้าที่ป้องกันการจู่โจมของเชื้อในร่างกาย ทำให้เชื้อชนิดนี้ค่อย ๆ พัฒนาไปอย่างช้า ๆ อาจจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกไม่สบาย และอาจจะใช้เวลานานนับเดือนไปจนถึงหลายปีกว่าอาการของโรควัณโรคจะเริ่มแสดงให้เห็น ทั้งนี้วัณโรคจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะใหญ่ ๆ ได้แก่
ระยะแฝง (Latent TB) - ในระยะแฝงเมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อแล้วจะไม่มีอาการใด ๆ แสดงให้เห็น เนื่องจากเชื้อไม่ได้รับการกระตุ้น ทว่าเชื้อแบคทีเรียก็ยังคงอยู่ในร่างกาย และสามารถก่อให้เกิดอาการจนเข้าสู่ระยะแสดงอาการได้ ทั้งนี้หากผู้ป่วยมีการตรวจพบเจอเชื้อในช่วงระยะแฝง แพทย์อาจให้เข้ารับการรักษาและควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อ รวมถึงลดความเสี่ยงที่อาการจะเข้าสู่ระยะแสดงอาการ โดยผู้ป่วยในระยะนี้กว่า 90% จะไม่มีอาการป่วยและไม่สามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ และมีเพียง 10% เท่านั้นที่จะป่วยเป็นวัณโรค กว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่มีการพัฒนาของเชื้อจะป่วยหลังจากได้รับเชื้อภายใน 2 ปี โดยส่วนใหญ่จะเป็นเด็กและผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือบกพร่อง ส่วนที่เหลืออาจมีอาการแสดงหลังจากติดเชื้อหลายปี เช่น ผู้ที่ได้รับเชื้อตั้งแต่เด็กอาจมีอาการแสดงในช่วงวัยผู้ใหญ่ และหากไม่ได้รับการรักษา กว่า 50% ของผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 2 ปี
ระยะแสดงอาการ (Active TB) - ระยะแสดงอาการคือระยะที่เชื้อแบคทีเรียได้รับการกระตุ้นจนแสดงอาการออกมา ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในช่วงสัปดาห์แรก ๆ หลังจากการติดเชื้อไปจนถึงหลายปีหลังจากได้รับเชื้อ ทั้งนี้เชื้อจะสามารถแสดงอาการได้ทั้งในปอด หรือที่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดขึ้นที่ปอดเสียมากกว่า โดยอาการของวัณโรคที่เกิดในปอดมีดังนี้
- มีอาการไอติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไป
- มีอาการไอเป็นเลือด
- เจ็บหน้าอก หรือมีอาการเจ็บที่หน้าอกขณะหายใจหรือไอ
- อ่อนเพลีย
- มีอาการไข้ หนาวสั่น
- มีอาการเหงื่อออกชุ่มในเวลากลางคืน (Night Sweats)
- น้ำหนักลดอย่างไม่มีสาเหตุ
- ความอยากอาหารลดลง
ส่วนในกรณีที่พบได้น้อยที่เชื้อวัณโรคจะแสดงอาการกับส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เชื้อจะแสดงอาการได้กับอวัยวะหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นต่อมเล็ก เช่นต่อมน้ำเหลือง กระดูกและข้อ ระบบขับถ่าย กระเพาะปัสสาวะ ระบบสืบพันธุ์ หรือเกิดขึ้นได้แม้แต่กับระบบประสาทและสมอง โดยอาการมีดังต่อไปนี้
- เกิดอาการต่อมน้ำเหลืองบวมขึ้นเรื่อย ๆ
- ปวดบริเวณท้อง
- เกิดอาการปวด หรือไม่สามารถเคลื่อนไหวบริเวณกระดูกและข้อต่อที่เกิดการติดเชื้อวัณโรคได้
- มีอาการสับสน มึนงง
- ปวดศีรษะเรื้อรัง
- มีอาการชัก
นอกจากนี้ หากเชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปยังบริเวณกระดูกสันหลัง ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดหลัง หรือหากแพร่ไปยังไต ก็อาจทำให้เกิดอาการปัสสาวะเป็นเลือดได้อีกด้วย ทว่าการติดเชื้อวัณโรคที่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายนั้นเกิดขึ้นได้น้อย โดยมักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) หรือผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัด