ถามแพทย์

  • เคยตรวจเลือดพบว่าเป็นไวรัสตับอักเสบ ซี ไปตรวจซ้ำที่รพ.พบว่าไม่เป็น ตอนนั้นที่ผลเลือดพบว่ามีเชื้อ เกิดจากอะไรได้บ้าง แล้วต้องไปตรวจซ้ำอีกไหม

  •  patt_ptr
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะคุณหมอ ดิฉันได้ไปบริจาคเลือดมาแล้วได้รับจดหมายจากหน่วยบริจาคเลือดว่ามีการตรวจพบanti-HCVในเลือดจึงทำให้ดิฉันไม่สามารถบริจาคเลือดได้อีกต่อไป เพื่อความแน่ใจดิฉันจึงเข้ารับการตรวจเลือดและอัลตร้าซาวน์ตับโดยละเอียดที่โรงพยาบาลเดิมอีกครั้งกับคุณหมอเฉพาะทาง ผลการตรวจเลือดซ้ำ3ครั้ง(ภายในระยะเวลาร่วม3เดือน)และผลอัลตร้าซาวน์ตับออกมาว่าทุกอยากปรกติดี ตับไม่มีอะไรผิดปรกติ และผลการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อhepCออกมาเป็นnegative ดิฉันจึงขอรบกวนถามคุณหมอว่า ดิฉันสามารถมั่นใจในความปลอดภัยจากhepCได้แล้วหรือยังคะ หรือจำเป็นต้องไปตรวจซ้ำอีกหรือไม่คะ หรือแค่นี้เพียงพอแล้ว และการที่หน่วยรับบริจาคโลหิตตรวจพบเชื้อhepCในเลือดของดิฉันนั้น มีสาเหตุจากอะไรได้บ้างคะ....ขอบคุณคุณหมอล่วงหน้าค่ะ
    patt_ptr  พญ.นรมน
    แพทย์

     สวัสดีค่ะคุณ patt_ptr

    โรคไวรัสตับอักเสบ ซี เป็นโรคที่เกิดการอักเสบของตับ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี ส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่เป็นโรคจะไม่ทราบว่าป่วยเป็นโรคนี้เพราะว่าไม่มีอาการแสดงชัดเจน ซึ่งจะพบว่ามีอาการแสดงแล้วก็ต่อเมื่อตับได้รับความเสียหายมากแล้วเช่นเป็นมะเร็งตับหรือตับแข็ง

    โดยส่วนใหญ๋หากพบว่ามีเชื้อโรคไวรัสตับอักเสบซี มักจะไม่ค่อยหายไปเองค่ะ การตรวจอัลตราซาวน์ตับหรือเจาะเลือดดูค่าการทำงานของตับอาจจะยังเป็นปกติได้ในช่วงแรกที่เป็นโรค แต่จะยังมีเชื้อไวรัสอยู่ในเลือดได้อยู่ค่ะ

    ในกรณีนี้หากตรวจผลเลือดออกมาอีกครั้งว่าไม่พบการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีนั้น ก็คือผลไม่ตรงกับครั้งแรก ก็อาจจะต้องมีการตรวจซ้ำอีกครั้งที่สถานพยาบาลอีกแห่งหรือสถานพยาบาลที่ใหญ่ขึ้นเพื่อยืนยันผลเลือดอีกครั้งค่ะ ซึ่งถ้าผลยืนยันออกมาว่าไม่มี ก็อาจจะมีการตรวจเลือดที่ผิดพลาดได้เช่นกัน