ถามแพทย์

  • เคยฉีดพิษสุนัขบ้าครบไปแล้ว และฉีดกระตุ้นล่าสุด 24 ก.ค. โดนแมวข่วนอีก 15 ส.ค. ต้องฉีดอีกหรือไม่

  •  MsAgrias Lucid
    สมาชิก

    สวัสดีครับ

    เคยคือวัคซีนพิษสุนัขบ้า ครั้งแรกตอน ก.พ ปี 57 ครับ 3 เข็ม บาดทะยัก2เข็ม แล้วหลังจากนั้นแมวก็ข่วนอีกก็มาฉีดกระตุ้นล่าสุด 21 ก.ค/24 ก.ค 61   2เข็มครับ แล้วเหตุการณ์เกิดเมือวันที่ 15 ส.ค 61 เดินผ่านแมวที่บ้านครับ ละมันตะปบข่วน หรือ กัด ที่ขาครับไม่แน่ใจ  หลังจากนั้นพอมอง มองไม่เห็นแผลครับ วันที่ 16 ส.ค 61 จึงไปพบหมอ หมอบอกไม่มีแผล ไม่มีเลือด ไม่ต้องฉีดยาครับพอกลับมาบ้าน คืนวันนั้นเห็นแผลเล็กๆครับเท่าปลายดินสอ ไม่แน่ใจว่าแผลเกิดจากแมวหรือเปล่า จึงไปหาหมอใหม่ ในวันที่ 17 ส.ค 61 หมอจึงฉีดกระตุ้นให้ใหม่ 1 เข็มครับ จึงอยากถามว่าหากแผลดังกล่าวไม่ได้เกิดจากแมวแล้ว ที่ฉีดไป1เข็มจะมีอันตรายรึเปล่าครับ แล้วหมอให้ยา Ranclav 1g   14เม็ดมาด้วยครับ จำเป็นต้องทานหรือปล่าวครับ เพราะที่ฉีดมาครั้งก่อนๆไม่เคยต้องกินยาร่วมด้วย อีกเพราะเพิ่งกินยาชนิดนี้ไป 8 เม็ด จากทอมซินอักเเสบ เมื่อวันที่ 25 ก.ค 61 เดือนที่แล้วนี่เองครับ

     สวัสดีค่ะ คุณ MsAgrias Lucid,

                          หากเคยฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าครบ 3 เข็มาแล้วเมื่อ ก.พ. 2557 และได้ฉีดกระตุ้นไปล่าสุดคือ 24 ก.ค. 61 เมื่อโดนแมวตะปบหรือกัดอีกในวันที่ 16 ส.ค. 61 ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้ากระตุ้นอีก เนื่องจากระดับของภูมิคุ้มกัน ที่เกิดจากการกระตุ้นครั้งล่าสุด ยังคงสูงเพียงพอในการป้องกันการเกิดโรคได้

                           อย่างไรก็ตาม หากได้ฉีดกระตุ้นไปแล้ว ก็ไม่ได้อันตรายแต่อย่างใดค่ะ  เนื่องจากวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าเป็นเชื้อที่ถูกทำให้ตายแล้ว การฉีดบ่อยๆ จึงไม่ได้ทำอันตรายจนถึงขั้นเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้ เพียงแต่อาจเกิดปฏิกิริยาเฉพาะที่ตรงบริเวณที่ฉีดได้มากขึ้นในการฉีดครั้งหลังๆ เช่น อาการปวด บวม แดง คัน เป็นตุ่มบริเวณที่ฉีด หรือมีอาการทางร่างกายอื่นๆ เช่น ปวดหัว เวียนหัว คลื่นไส้ ปวดท้อง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อ อ่อนเพลีย เป็นต้น

                       สำหรับยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อ Ranclav ที่ได้มาทานนั้น หากแผลมีขนาดเล็กมาก ไม่ได้มีเลือดซึม อาจไม่จำเป็นต้องทานยาก็ได้ค่ะ เพียงแต่ให้ล้างทำความสะอาดด้วยสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อให้สะอาด และใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดน ไอโดดีน หลังจากนั้นก็ให้เช็กทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือและใส่ยาฆ่าเชื้อทุกวัน จนกว่าแผลจะหาย แต่หากแผลมีอาการปวด และบวมแดง ก็ควรทานยาดังกล่าวค่ะ

     

    MsAgrias Lucid  MsAgrias Lucid
    สมาชิก

    ขอบคุณครับ