ถามแพทย์

  • ไช้โรคเอสใหมครับ

  • ผมมีผื่นแดง ปุ่มน้ำใสๆ คันมาก เป็นผื่นมากตามต้นขา แล้วก็มีแผลที่อวัยวะเพศ แสบมาก อยากรุ้ว่าผมเป็นโรคอะไรครับ

    สวัสดีครับ คุณ นายชาญณรงค์

    ถ้าหากมีปัจจัยเสี่ยง เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันหรือใส่ถุงยางไม่ถูกวิธีกับผู้ที่เป็นโรคหรือติดเชื้อ
    ลักษณะแผลที่อวัยวะเพศ ที่สามารถวินิจฉัยแยกโรคได้หลักๆ ได้แก่
    1. โรคแผลริมอ่อน มีอาการเด่นคือมีแผลที่อวัยวะเพศในผู้ชายจะเจ็บ/ปวดแผลมาก และมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตและเจ็บอาจข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้
    2. โรคซิฟิลิส ในระยะที่เป็นแผลที่อวัยวะเพศ แผลจะมีขอบนูนแข็ง ไม่เจ็บ
    3. โรคเริม มีแผลเล็กๆ หลายๆแผล เจ็บ
    4. โรคฝีมะม่วง มีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ แต่มักไม่มีแผลที่อวัยเพศ

    ในส่วนของโรคเอดส์ จะต้องมีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่เพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน การใช้สารเสพติดฉีดเช้าเส้นเลือดร่วมกับผู้อื่น การรับเลือดจากผู้ที่มีเชื้อไวรัสอยู่ เป็นต้น
    เมื่อผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวมาแล้ว จึงจะมีโอกาสที่จะติดเชื้อไวรัส HIV ได้
    ซึ่งอาการของโรคเอดส์นั้นจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล และไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอาการทั้งหมดที่จะกล่าวต่อไปเหล่านี้ก็ได้ เช่น
    1.ไข้เรื้อรังนานเกิน 1 เดือน
    2.ไอเรื้อรังที่หาสาเหตุไม่ได้นานเกิน 3 เดือน
    3.น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วเกิน 10%ของน้ำหนักเดิมใน 3 เดือน
    4.ท้องเสียเรื้อรังไม่หายขาดเกิน 3 เดือน
    5.ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วตัวนานเกิน 3 เดือน
    6.ฝ้าขาวในปากหรือลิ้นนานเกิน 3 เดือน
    7.มีแขนขาอ่อนแรง ชัก เซื่องซึม หลงลืม โดยที่ไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน
    8.โรคมะเร็ง เช่น คาโปสิซาร์โคมา ลักษณะมีก้อนนูนสีแดงม่วงขึ้นตามลำตัว แขนขา
    9.ผื่นโรคเริม งูสวัด หูดข้าวสุก หรือเชื้อรา ขึ้นตามร่างกาย

    ซึ่งการจะวินิจฉัยโรคได้นั้นต้องอาศัยทั้งการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และตรวจเลือดหาความเสี่ยงต่อโรคทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ

    ดังนั้น จากอาการที่มีแผลที่อวัยวะเพศ/อวัยวะสืบพันธ์ุ ควรไปพบแพทย์เพื่อได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม ไม่ควรซื้อยามาทานเอง ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่าแผลบริเวณนี้สามารถเกิดได้จากหลายโรค และต้องใช้ยารักษาที่ต่างชนิดกันขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อก่อโรค หากซื้อยาผิดมาทานเองอาจทำให้เชื้อดื้อยาและรักษาไม่หายได้

    ขอบคุณครับ