ถามแพทย์

  • ได้ยินเสียงดังวี๊ดๆ ในหู ไปหาหมอแล้ว การได้ยินปกติดี ให้ดูอาการไปก่อน มีโอกาสที่เสียงจะหายไหม

  •  Copter0106
    สมาชิก
    เริ่มเป็นวันที่ 20 พ.ย. นี้ช่วงตอนกลางวันขณะที่กำลังใช้หูฟังอยู่ รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงวีดดังในหู จะมีเฉพาะตอนที่อยู่เงียบๆเท่านั้น เลยไปหาหมอ แต่พอตรวจแบบละเอียดก็พบว่า ได้ยินปกติดีทุกอย่าง หมอเลยถามว่าจะเอายาไปกินไหม ถ้าทนได้ก็ไม่ต้องซื้อเพราะตัวยาค่อนข้างแพง เลยดูอาการไปก่อน บางวันก็ดังบ้าง บางวันก็เบาบ้างเฉพาะตอนที่เงียบหน่อย เลยอยากจะมาถามว่าเสียงในหูมีโอกาสหายไหมครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ Copter0106,

                            อาการหูอื้อ หรือมีเสียงในหู (tinnitus) หมายถึง การได้ยินเสียงลดลง ความคมชัดของเสียงลดลง หรือรู้สึกเหมือนมีอะไรอุดหูอยู่ หรือรู้สึกมีเสียงดังในหู ซึ่งอาจเป็นเสียงแหลมวี๊ดๆ คล้ายมีแมลงบินในหู หรือเสียงหึ่งๆ หรือเสียงตุบๆ ตามจังหวะชีพจร หรือเสียงลมหายใจ 

                       สาเหตุของอาการหูอื้อ อาจเแบ่งตามเสียงที่ได้ยินดังนี้

                      - เสียงแหลมวี๊ดๆ เกิดจากความเสื่อมของหูชั้นใน (จากอายุที่มากขึ้น หรือจากการได้ยินเสียงดังเป็นเวลานาน ๆ หรือจากการได้ยินเสียงดังมาก ๆ ในทันที เช่น เสียงระเบิด)  การใช้ยาบางอย่างที่มีผลข้างเคียงต่อประสาทหู เช่น ยาต้านมาลาเรียคลอโรควิน ยาปฏิชีวนะอิริโทรไมซิน ยาเคมีบำบัดรักษามะเร็งบางชนิด เป็นต้น หรือเกิดจากมีเนื้องอกของเส้นประสาทหู

                       - เสียงหึ่งๆ อื้อๆ มักเกิดจากโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ร่วมกับอาการเวียนหัวบ้านหมุนและการได้ยินลดลง

                       - เสียงลม หรือได้ยินเสียงของร่างกายชัดกว่าปกติ เกิดจากการทำงานของท่อปรับความดันหูผิดปกติ เช่น เป็นโรคภูมิแพ้ ทำให้ท่อปรับความดันหู (eustachian tube) บวมและถ่ายเทอากาศไม่ได้ อาการมักเป็นๆหายๆ มักเป็นมากเวลาขึ้นที่สูง ขึ้นเครื่องบิน หรือดำน้ำ  หรืออาจเกิดจากเป็นโรคมะเร็งหลังโพรงจมูก 

                        - เสียงก้องในหู เกิดจากการมีน้ำขังในหูชั้นกลาง

                        - เสียงตุบ ๆ หรือเสียงฟู่ ๆ ที่ดังตามจังหวะการเต้นของชีพจร อาจเกิดจากเนื้องอกในช่องหู หรืออาจเกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือด ซึ่งเป็นภาวะบางอย่างที่ทำให้เลือดในร่างกายเพิ่มขึ้นและหัวใจต้องบีบตัวแรงขึ้นจนส่งผลให้เกิดเสียงดังในหู เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ, หลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอตีบ หัวใจรั่ว เป็นต้น

                         สาเหตุอื่นๆ นอกจากนี้ ได้แก่ การมีขี้หูอุดตัน การดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ โกโก้  สิ่งแปลกปลอมหรือแมลงเข้าหู หูอื้อที่เกิดหลังจากเป็นหวัด นอกจากนี้อาจเกิดจากภาวะเครียด วิตกกังวล อารมณ์ซึมเศร้า หรือเกิดจากนอนไม่หลับ เป็นต้น 

                         หากได้ไปพบแพทย์เฉพาะทางแล้ว แนะนำควรสอบถามถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหูอื้อ เพื่อที่จะดูแลให้ถูกต้องค่ะ หากสาเหตุหายไป อาการมีเสียงในหูก็จะหายไปได้เองค่ะ หรือหากเกิดจากประสาทหูเสื่อม อาการหูมีเสียง ก็อาจเกิดขึ้นเป็นๆ หายๆ ไปเรื่อยๆ ค่ะ ในเบื้องต้น ก็ควรระวังอย่าให้ประสาทหูเสื่อมมากขึ้น ได้แก่

                        - การไม่ฟังเสียงที่ดังเกินไป เช่น ไม่ไปฟังคอนเสริต์ ไม่ไปเที่ยวสถานบันเทิงที่มีเสียงดังเกินไป ไม่เปิดทีวี วิทยุ เสียงดังเกินไป ไม่เล่นประทัด ยิงปืน ส่วนการฟังด้วยหูฟัง ควรใช้เสียงที่ไม่ดังจนเกินไป โดยสังเกตว่า หากถอดหูฟังออกแล้ว ยืนห่างออกไป 1 ฟุต หากได้ยินเสียงลอดออกมา (ควรให้ผู้ที่มีการได้ยินปกติฟัง) แสดงว่าดังเกินไป ให้ลดระดับเสียงลง 

                      - ไม่ซื้อยาทานเอง โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะบางชนิด หรือยาขับปัสสาวะซี่งจะมีผลต่อเส้นประสาทหูได้

                       - ลดการทานอาหารเค็ม เพราะอาจมีผลทำให้เกิดน้ำในหูไม่เท่ากัน และทำให้ประสาทหูยิ่งเสื่อมได้

                         เป็นต้น