ถามแพทย์

  • หลังหมดประจำเดือนไปแล้ว ยังมีเลือดออกมาอีก มีอาการปวดท้อง เกิดจากอะไร

  •  Romchat
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามค่ะ คือพอดีเมื่อวันที่ 29/7/62 มีประจำเดือนมา แล้วมีอาการปวดท้องและเอว จึงไปซื้อยามาทานแก้ปวดท้อง. โดยปกติจะมีประจำเดือนมา 7 วัน 3 วันแรกมาเยอะหลังจากนั้นเริ่มทยอยจางลง จนวันที่ 4/8/62 ประจำเดือนก็หายหมดค่ะ แต่มาวันนี้ วันที่ 10/8/62 กำลังจะไปอาบน้ำ ถอด กกน. ออก สังเกตเห็น กกน. เป็นสีคล้ายสีน้ำล้างเนื้อ เลือดจางๆค่ะ มีไม่เยอะค่ะ อยากรบกวนว่าเกิดจากอะไรคะ จะเป็นเพราะช่วงเราเป็นประจำเดือน เราใช้ยาแก้ปวดประจำเดือนหรือเปล่าคะ ตอนนี้กังวลมากค่ะ ปล.บางวันก็มีอาการปวดท้องแบบตอดๆ ข้างซ้าย ข้างขวา ตรงกลาง สลับกันค่ะ อาการปวดไม่เยอะค่ะ. เครียดและกังวลมากค่ะ ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบค่ะ อีกอย่างตอนนี้ก็ทานน้ำน้อยด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
    Romchat  พญ.นรมน
    แพทย์

    สวัสดีค่ะคุณ Romchat

    อาการดังกล่าว อาจเป็นเลือดออกจากช่องคลอดที่ไม่ใช่ประจำเดือน ซึ่งอาจเกิดจาก
    -ถ้าปนออกมากับปัสสาวะ อาจมีภาวะทางเดินปัสสาวะอักเสบ

    -ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์เช่น แท้ง ท้องนอกมดลูก

    -มีการติดเชื้อที่ช่องคลอดหรือปากมดลูกหรือมดลูก

    -มีบาดแผลบริเวณช่องคลอดหรืออวัยวะเพศภายนอก

    -อวัยวะภายในอุ้งเชิงกรานสตรีอักเสบ อาจมีไข้ ร่วมกับตกขาวผิดปกติด้วย

    -เนื้องอกมดลูก

    แนะนำว่าถ้ายังมีเลือดออกผิดปกติเรื้อรัง ปวดท้องน้อย มีไข้ ตกขาวผิดปกติ ควรรีบไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม แพทย์อาจตรวจภายใน ตรวจปัสสาวะ ตรวจการตั้งครรภ์ ร่วมกับทำอัลตราซาวน์หน้าท้องเพื่อหาสาเหตุต่อไป

    การใช้ยาแก้ปวดประจำเดือน ไม่ได้มีผลทำให้เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดได้โดยตรง

    การดูแลตัวเองเบื้องต้น งดการมีเพศสัมพันธ์ ไม่สวนล้างช่องคลอด ไม่ซื้อยาปรับฮอร์โมนใดๆมารับประทานเอง