ถามแพทย์

  • ประจำเดือนมา 17 ก.ค. เริ่มกินยาคุมแผงแรก กินครบ 21 เม็ดแล้ว มีเลือดสีน้ำตาลออกมา จะท้องไหม

  •  k1111
    สมาชิก

    คือเมื่อวันที่16 กรกฎาคม มีsexกับแฟนแบบป้องกันใส่ถุงยาง เช็คถุงยางแลัวไม่รั่วไม่แตก วันที่17ประจำเดือนมา มาประมาณ4วันค่ะ เมื่อเดือนก่อน(มิถุนา)ประจำเดือนก็มาประมาณวันที่15-17 แต่ในเดือนพฤษภาคมมาในช่วงวันที่20-23 อยากถามว่ามีโอกาสท้องไหมคะ

    วันที่เป็นประจำเดือนวันแรกวันที่17 กรกฎาคม เริ่มกินยาคุมแผงแรก(แบบ28เม็ด)ค่ะหลังจากนั้นก็กินทุกวันไม่เคยขาด แต่พอกินหมดเม็ดที่21 เหมือนมีเลือดออกมาเป็นสีน้ำตาลๆ ออกมาตั้งแต่กินเม็ดแป้งเม็ดแรก จนตอนนี้กินมา3เม็ดแล้ว ยังมีอะไรออกจากช่องคลอดลักษณะสีน้ำตาลอยู่ อยากถามเป็นประจำเดือนหรือเปล่าคะ แล้วมีโอกาสท้องไหมคะ

    (ส่วนตัวเป็นคนที่มีลักษณะผอมค่อนข้างมาก ประจำเดือนมาไม่มาก แต่มาทุกเดือน)

    สวัสดีค่ะ คุณ k1111,

                         หากประจำเดือนได้มาแล้วในวันที่ 17 ก.ค. โดยมาในช่วงวันที่ที่ควรจะมา และมานาน 4 วัน ก็ถือเป็นประจำเดือนที่ปกติดี และแสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 16 ก.ค.ค่ะ

                          ทั้งนี้ หากประจำเดือนมา 20-23 พ.ค. และมาอีกครั้ง 15-17 มิ.ย. เท่ากับมีระยะห่างที่ 26 วัน ก็ถือว่าปกติดีค่ะ และการที่มีประจำเดือนมาอีกครั้งในวันที่ 17 ก.ค. เท่ากับมีระยะห่างที่ 32 วัน ก็ถือว่าปกติดีเช่นกันค่ะ

                          และหากได้เริ่มทานยาคุมกำเนิดไปในวันแรกที่มีประจำเดือนมา คือวันที่ 17 ก.ค. โดยทานทุกวัน ไม่มีลืมทานยา โอกาสในการตั้งครรภ์ก็ถือว่าน้อยมากค่ะ

                           และเมื่อทานยาคุมจนครบเม็ดที่เป้นฮอร์โมน 21 เม็ดแล้ว เมื่อเริ่มทานยาเม็ดแป้ง ได้มีเลือดสีน้ำตาลออกมา เลือดดังกล่าวถือเป็นประจำเดือนได้ค่ะ และเป็นการแสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ ส่วนการที่เลือดเป็นสีน้ำตาล แสดงว่าเลือดมีปริมาณน้อย ซึ่งก็เกิดจากผลของฮอร์โมนจากยาคุม ที่ไปทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง เลือดที่ออกจึงน้อยลง โดยเฉพาะหากเป้นยาคุมชนิดที่มีฮอร์โมนต่ำ ก็มักจะเกิดผลเช่นนี้คะ ไม่ได้ผิดปกติหรืออันตรายอะไร สามารถเริ่มทานแผงใหม่ต่อไปได้เมื่อทานยาจนครบ 28 เม็ดแล้วค่ะ