ถามแพทย์

  • หลังไปมีความเสี่ยงมา 2 สัปดาห์ ตรวจ HIV และซิฟิลิล ผลเป็นลบ แต่มีผื่นตามแขนขาและตัว เป็นโรคอะไร

  •  Phanlerth Phirstpraywong
    สมาชิก
    ผมมีเพศสัมพันธ์กับแฟนมาและมีความเสี่ยง หลังจากที่มีความเสี่ยงได้ 2 สัปดาห์ได้ไปพบแพทย์และตรวจเลือด ผลออกมาไม่พบทั้ง HIV และซิฟิลิส แต่ตอนที่ไปตรวจ ร่างกายมีอาการผื่นขึ้นที่บริเวณแขน ขาและตัว ไม่มีอาการคันใดๆ ต่อมาเริ่มมีแผลเล็กบริเวณใบหน้าและศีรษะ นอกนั้นไม่มีอาการใดๆทั้งไข้สูงหรือเหงื่อออกตอนกลางคืนก้ไม่มี ลักษณะนี้ผมมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคทางเพศสัมพันธ์อื่นๆไหมครับ หรือการตรวจหลังเสี่ยง 2 สัปดาห์จะยังเชื่อไม่ได้ครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ อื้มมม อาโหร่ยยยย,  

                      การตรวจเลือดหาเชื้อ HIV นั้น จะเริ่มตรวจพบได้ตั้งแต่ 2 สัปดาห์หลังจากที่ไปมีความเสี่ยงมา แต่จะตรวจพบได้เกือบ 100% ที่ 4 สัปดาห์ ดังนั้น แนะนำควรรอให้ครบ 4 สัปดาห์แล้วจึงตรวจซ้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่นอนค่ะ

                       สำหรับซิฟิลิสนั้น อาจมีระยะฟักตัวที่นานถึง 90 วัน ดังนั้น อาจต้องตรวจเลือดซ้ำที่ 3 เดือนอีกครั้ง เพื่อให้แน่นอนค่ะ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีแผลเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศ ก็ไม่น่าติดเชื้อซิฟิลิสมาค่ะ เว้นแต่ไม่ทันได้สังเกต เนื่องจากแผลจะไม่เจ็บ และจะเป็นเพียงไม่นานค่ะ

                        หากหลังจากนี้ ได้ตรวจหาการติดเชื้อ HIV ซ้ำที่ 4 สัปดาห์ แล้วไม่พบการติดเชื้อ ผื่นที่เกิดขึ้นบริเวณแขน ขา และตัว ก็จะไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ HIV ค่ะ ทั้งนี้ หากผื่นเป็นต่อเนื่องนานหลายวัน อาจไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยก่อนที่จะครบเวลา 4 สัปดาห์หลังไปมีความเสี่ยงมาค่ะ โดยผื่นอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น เป็นผื่นแพ้ระคายเคือง ผื่นลมพิษ ผื่นแพ้ยา หรือเป็นไข้ออกผื่นจากการติดเชื้อต่างๆ เป็นต้น

                        สำหรับแผลเล็กๆ ที่ใบหน้าและศีรษะ ก็อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา ดังนั้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูลักษณะของแผล ว่าเป็นแผลจริงหรือไม่ หรือเป็นผื่นเหมือนกับที่แขนขาและลำตัวค่ะ