ถามแพทย์

  • มีเม็ดน้ำใสๆ เรียงเต็มฝ่ามือ เป็นๆหายๆ คันบางครั้ง กินยาแก้แพ้ก็ไม่ลดลง ควรทำอย่างไร

  •  Wanvisa160734
    สมาชิก
    สวัสดีคะ ดิฉันเป็นเม็ดน้ำใสๆเรียงตัวกันเต็มฝ่ามือ เมื่อก่อนเป็นๆหายๆใช้ยาทาก็จะยุบลง แต่ทุกวันนี้เหมือนตุ่มน้ำจะไม่ลดลงเลยคะ คันบ้างบางครั้ง กินยาแก้แพ้ตุ่มใสๆก็ไม่ลด ลองไปร้สนขายยาเภสัชต้องจ่ายยาลดผื่นมาให้ แต่เค้าบอกกินติดต่อกันนานๆไม่ได้ แต่พอหยุดกินยาผื่นก็จะขึ้นเป็นเม็ดน้ำใสๆรวมตัวขึ้นมาบนฝ่ามืออีก ถ้าปล่อยไม่ทานยาหรือไม่ทายาตุ่มน้ำก็จะรวมกันเป็นตุ่มใหญ่ๆ ควรทำยังไงดีคะ หาหมอรพ.หมอให้แต่แก้แพ้มาแต่ตุ่มน้ำไม่ลดลงเลย บางทีทำให้เครียดจริงๆคะ 🥺🥺

    สวัสดีค่ะ คุณ Wanvisa160734,

                         การมีเม็ดน้ำใสๆ เต็มฝ่ามือ โดยกเิดขึ้นเป็นๆ หายๆ น่าจะเป็นผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำใส (dyshidrosis) ซึ่งจะมีผื่นที่เป็นตุ่มน้ำใสขนาดเล็กๆ ประมาณ 1-3 มิลิเมตร มักพบเรียงตัวตามด้านข้างของนิ้วมือ ด้านข้างฝ่ามือ รวมถึงอาจเกิดที่นิ้วเท้า ฝ่าเท้า ร่วมกับมีอาการคัน ตุ่มน้ำเหล่านี้จะหายไปได้เอง โดยจะค่อยๆ แห้งและลอกออกภายใน 2-3 สัปดาห์ และเห็นเป็นขุย ผิวแดงและอาจเจ็บเล็กน้อย อาการจะเกิดขึ้นเป็นๆ หายๆ 

                   สาเหตุของการเกิดนั้นไม่แน่ชัด อาจเกิดจากการตอบสนองแบบผื่นแพ้สัมผัสบางชนิดได้ เช่น ผื่นแพ้สัมผัสจากสารนิกเกิล เช่น โทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับ เหรียญต่างๆ หรือ แพ้ไรฝุ่น เป็นต้น และมักพบในผู้ที่เป็นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ หรือภูมิแพ้อากาศอยู่ 

                   ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการ เช่น ความเครียด การอดนอน ไม่สบาย ความร้อน การมีเหงื่อออกมาก การล้างมือบ่อยๆ หรือสัมผัสกับน้ำบ่อยๆ เป็นต้น   

                   การรักษาคือดูแลตามอาการ และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจเป็นตัวกระตุ้นต่างๆ เมื่อพบมีผื่นขึ่นมาให้ใช้ยาทาสเตียรอยด์ชนิดที่มีความแรง เช่น  betamethasone diproprionate cream เป็นต้น โดยไม่ควรทานยาต่อเนื่องนานเกิน 2 สัปดาห์ แต่หากเป็นๆ หายๆ ก็สามารถทาใหม่ได้อีก หากหยุดทาต่อเนื่องนานเกิน 1 สัปดาห์ไปแล้วค่ะ แต่หากคันมาก อาจทานยาแก้แพ้แก้คันร่วม เช่น  ไฮดรอกไซซีน (hydroxyzine) , chlorpheniramine (CPM) เป็นต้น พยายามหลีกเลี่ยงการเกา เพราะอาจทำให้กลายเป็นแผลและติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้ 

                    นอกจากตุ่มน้ำใสดังกล่าว น่าจะเป็นผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำใส (dyshidrosis) ดังกล่าวแล้ว  โรคอื่นๆที่อาจเป็นไปได้ เช่น โรคหิด โรคตุ่มน้ำพองจากภูมิคุ้มกัน (pemphigus และ bullous pemphigoid) เป็นต้น ดังนั้นแนะนำว่าหากยังไม่เคยไปพบแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง ก็ควรไปให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยดูก่อนค่ะ