ถามแพทย์

  • ตรวจเชื้อซิฟิลิสหลังรักษายังเป็น 1:8 จะทำอย่างไรให้หายขาด

  •  Pranithan Panngam
    สมาชิก
    เมื่อสองปีที่แล้ว ผมได้ตรวจสุขภาพประจำปีตรวจเจอซิฟิลิส titer 1:64 คุณหมอได้ไห้ยากินสองอาทิตย์กลับมาตรวจอีกครับ title 1:16 จากนั้นแพทย์ได้ฉีดยา penicillin ไป3อาทิตย์ แล้วก็ติดตามผลมา 6 เดือน ตรวจครั้งที่3 ผลยัง reactive อยู่ titer 1:8 จากนั้นคุณหมอให้ติตตามผลเลือดตลอด1ปี พบ title 1:8 จนถึงตอนนี้ผ่านมาสองปีไปตรวจก็ยังเป็น 1:8 เช่นเดิม ผมจึงมีคำถามว่าตอนที่ตรวจพบครั้งแรกเป็นระยะแฝงไม่มีอาการแสดงใดๆ แต่ตอนนี้ผ่านมา 2 ปี ผมรู้สึกว่าช่วงอากาศชื้นจะรู้สึกหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศเป็นผื่นแดงๆเวลาโดนน้ำจะรู้สึกแสบๆคันๆ จึงอยากสอบถามว่า จะมีวิธีการรักษาอย่างไรให้หายขาดครับ (ผมเคยไปปรึกษาที่คลีนิคนิรนามผู้ให้คำปรึกษาบอกว่าเป็นค่าที่ยอมรับได้ให้ผมติดตามการรักษาต่อ)

    สวัสดีครับ คุณ Pranithan Panngam

    ซิฟิลิส เป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ที่แบ่งได้เป็นหลายระยะ

    1. ระยะที่หนึ่ง มักพบแผลตรงปลายอวัยวะเพศ ขอบแข็ง ไม่ปวด และมักหายไปเองหลังจากนั้น

    2. ระยะที่สอง เชื้อกระจายไปตามร่างกายพบเป็นผื่นแดงทั่วตัว รวมถึงฝ่ามือฝ่าเท้า

    3. ระยะที่สาม เชื้อลามไปยังระบบประสาท ทำให้เสียการทรงตัว พบเชื้อได้ในน้ำไขสันหลัง

    ส่วนซิฟิลิสแฝง คือ การตรวจเลือดพบระดับ VDRL สูง โดยไม่พบอาการในสามระยะดังกล่าว  ซึ่งแม้จะได้รับการรักษาด้วยยาเพนนิซิลินตามที่แพทย์แนะนำแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ที่ระดับ VDRL นี้จะยังคงอยู่ที่ระดับ 1:8 แม้จะผ่านไปถึง  2 ปี เพราะการตรวจระดับ VDRL นี้ไม่ได้เป็นการหาเชื้อโดยตรง แต่เป็นการหาระดับสารภูมิคุ้มกันต่อตัวเชื้อ ซึ่งการที่ยังพบระดับที่คงที่เช่นนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าการรักษาล้มเหลวครับ  

    หากแต่ว่าระดับ VDRL นี้มีการสูงก้าวกระโดด เช่น จาก 1:8 ไปเป็น 1:32  หรือเริ่มมีอาการแบบซิฟิลิสดังที่กล่าวมาข้างต้น  แพทย์อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะใหม่ครับ

    ดังที่กล่าวมา ปกติอาการของซิฟิลิสมักจะเป็นแผลที่อวัยวะเพศมากกว่าครับ และมักจะไม่รู้สึกปวด เพราะเชื้อเข้ารบกวนเส้นประสาทโดยรอบได้  หากยังมีผื่นบริเวณนั้น แนะนำพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาเพิ่มเติม  เพราะอาจจะเป็นโรคทางเพศสัมพันธ์อย่างอื่นที่ไม่ใช่ซิฟิลิสก็ได้ครับ