แม่ผ่าตัดสมองไป 2 ครั้งจากอุบัติเหตุรถยนต์ หลังผ่าตัดครบ 3 เดือน แม่จะกินอาหารเสริมได้ไหมค่ะ?

สวัสดีค่ะ คุณ much11,

                    หากคุณแม่ยังคงหายใจได้เอง ลืมตาได้ หลับตาได้ ไอได้ แต่สูญเสียการรับรู้ต่อสัมผัสต่างๆ สูญเสียความเข้าใจและการตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ ดังกล่าวแสดงว่าสมองใหญ่ (cerebrum) ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ส่วนก้านสมองได้รับความเสียหายในบางส่วน สภาพของคุณแม่ถือว่าอยู่ในสภาพผักหรือเจ้าชายนิทราค่ะ (vegatative state)

                   แต่แม้จะอยู่ในสภาพผัก ก็มีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้ค่ะ โดยเฉพาะหากมีการฟื้นตัวเกิดขึ้นภายในช่วง 3 เดือนแรกหลังเกิดอาการ ก็มีโอกาสที่ฝื้นตัวดีขึ้นได้เป็นลำดับค่ะ แต่หากไม่มีการฟื้นตัวเกิดขึ้นเลยภายใน 3 เดือน ก็จะประเมินต่อไปอีกที่ 6 เดือนและ 1 ปี หากไม่มีการฟื้นตัวเกิดขึ้นที่ 1 ปี โอกาสที่จะฟื้นตัวก็แทบไม่มี

                   การดูแลผู้ป่วยที่บ้านเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจตามมาค่ะ ซึ่งได้แก่

                 - การเตรียมสถานที่ในบ้าน ควรให้ผู้ป่วยอยู่ชั้นล่าง และบริเวณที่ให้ผู้ป่วยอยู่ต้องมีการระบายอากาศที่ดี มีแสงแดดส่องเข้าถึงได้ดี มีแสงสว่างเพียงพอ และสะอาด

                 - เตียงนอน ควรเป็นเตียงที่ปรับเปลี่ยนความสูงต่ำได้ มีเครื่องช่วยดูดเสมหะ 

                 - ผู้ดูแลต้องดูแลผู้ป่วยเป็น ทั้งวิธีการให้อาหาร การดูแลการขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ การดูแลในช่องปาก การอาบน้ำทำความสะอาดตัว การดูดเสมหะ การเคาะปอด การช่วยให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ การช่วยผู้ป่วยออกกำลังกายข้อต่อ ป้องกันอาการข้อติดแข็ง การทำกายภาพบำบัดกระตุ้นสมองอย่างต่อเนื่อง 

                 สำหรับการใช้ยา ไม่มียาเฉพาะสำหรับใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่สมองที่ได้รับความเสียหายดังกล่าวค่ะ ดังนั้นหากคุณแม่ของคุณ much11 ไม่มีโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน ตับอักเสบ ตับแข็ง ไตเรื้อรัง เป็นต้น ต้องการให้คุณแม่ทานอาหารเสริมต่างๆ ก็สามารถทานได้ค่ะ แต่ทั้งนี้ต้องเลือกทานอาหารเสริมจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ และทานตามปริมาณที่ระบุไว้ในฉลากค่ะ

                 หากคุณแม่มีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้ ไอมีเสมหะเหนียว สีเหลืองหรือเขียว เริ่มมีแผลกดทับ ความดันโลหิตขึ้นสูงหรือต่ำกว่าปกติ ชีพจรขึ้นสูงหรือต่ำกว่าปกติ ปัสสาวะไม่ออก ซึมลง ชัก จึงควรพาคุณแม่ไปพบแพทย์ค่ะ 

                การดูแลใกล้ชิดอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณแม่มีโอกาสฟื้นตัวมากกว่าการทานยาใดๆ ค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ฟื้นตัวได้เร็ววันนะคะ