ถามแพทย์

  • อายุ 22 ปี ทำงานเป็นกะ กินแล้วนอน รู้สึกจุกคอ เรอ แน่นท้อง ทานยารักษาทางกระเพาะแล้วดีขึ้น เป็นอาการอะไร

  •  Youyou
    สมาชิก
    อายุ22 แต่ก่อนเป็นคนที่กินแล้วนอน ทำงานเป็นกะ พักผ่อนไม่เพียงพอบวกกับความเครียด อาการครั้งแรกที่ไปหาหมอคือ หลังจากกินข้าวรู้สึกอาหารไม่ย่อย ตรงลิ้นปี่แข็ง ไปหาหมอที่คลินิกหมอบอกว่าเป็นโรคกระเพาะ แต่ไม่มีอาการเจ็บปวดท้อง หมอให้ยามาก็กินปกติ แต่อาการไม่ดีขึ้นรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกที่คอ จึงไปหาหมอคนที่2 หมอวินิจฉัยว่าเป็นกรดไหลย้อน กินยาแล้วก็เป็นเหมือนเดิม อาการล่าสุดคือ แน่นท้องหลังจากกินสุกี้หมู แล้วก็เป็นแบบนี้มา2วัน จุกคอ เรอ ลิ้นปี่แข็ง เวลายืนมันลิ้นปี่จะบวมจนสังเกตุเห็นได้ชัด เวลาหายใจมันจะแน่นที่ท้องช่วงลิ้นปี่ ตอนนี้ไปซื้อยาที่เภสัชเค้าว่าน่าจะเป็นกรดไหลย้อน เลยให้ยาแก้จุกเสียดมา กินยาตัวนี้รู้สึกว่าดีขึ้นนิดนึง จุกคอเริ่มหาย แต่ลิ้นปี่ยังแข็ง ท้องรู้สึกเจ็บจี๊ดๆเป็นบางครั้งเหมือนมดกัดที่ลิ้นปี่ แต่นานๆเป็นที เวลานอนราบกดลงที่ลิ้นปี่จะแข็งเห็นได้ชัดเหมือนมีก้อน แต่ไม่เจ็บ อยากทราบว่าใช่กรดไหลย้อนไหมคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Youyou 

    โรคกรดไหลย้อน เกิดจากการที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปที่หลอดอาหาร ทำให้เกิดการระคายเคืองจากกรดซึ่งเกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารทำงานผิดปกติ

    โดยจะมีอาการ : ปวดแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่ รู้สึกคล้ายก้อนจุกที่คอ กลืนเจ็บหรือติดๆขัดๆ แสบคอ รู้สึกขมหรือเปรี้ยวในคอ มีเสมหะในคอ เรอบ่อย เสียงแหบ ไอเรื้อรัง กระแอมบ่อย เป็นต้น

    ปัจจัยส่งเสริม : การรับประทานดึก ความเครียด ชนิดอาหารที่ปรุงโดยการทอดการผัด ชา กาแฟ น้ำหนักตัวเกิน เป็นต้น

    จากที่คุณ Youyou เล่ามา มีอาการคล้ายโรคกรดไหลย้อนนะคะ ส่วนอาการที่มีลิ้นปี่บวมแข็ง น่าจะเป็นอาการของลมที่ค้างอยู่ในกระเพาะอาหาร ซึ่งสามารถรอดูอาการก่อนได้ค่ะ 

    **การดูแลตนเอง :

    -หลังรับประทานอาหารให้หลีกเลี่ยงการนอนราบ การยกของหนัก การก้มตัว

    -หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มอย่างน้อยภายใน 3 ชั่วโมงก่อนนอน

    -รับประทานอาหารไขมันต่ำ หลีกเลี่ยงการรับประทานของผัดและทอด

    -รับประทานอาหารปริมาณพอดี ไม่มากไป

    -หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะมื้อเย็น

    -ออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก 

    **หากอาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้กลับไปเข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาอย่างเหมาะสมอีกครั้งนะคะ