ถามแพทย์

  • มีอาการสั่นกระตุก ที่ลูกอัณฑะด้ายซ้าย ปวดหน่วงเล็กน้อย มา 2 เดือน ไปหาหมอ ได้ยาฆ่าเชื้อมากิน ยังไม่ดีขึ้น เป็นอะไร

  •  Ozone Adisorn W
    สมาชิก

    ผมมีอาการสั่นกระตุก บริเวณลูกอัณฑะด้ายซ้ายมาประมาณ 2 เดือน

    โดยอาการคือ หลังจากที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายไม่ว่าจะลุกนั่งเดิน และตอนปัสสาวะ อาการสั่น บริเวณลูกอัณฑะด้ายซ้าย และมีอาการปวดหน่วงเล็กน้อย  โดยอาการที่สั่นจะเป็นระยะ ประมาณ 3-5 วินาทีจะ สั่น 1 ครั้ง โดยจะมีอาการไปตลอด จนกว่า จะหยุดเคลื่อนไหวร่างกายประมาณ 5-10 นาที อาการสั่นนี้ก็จะหายไป

    ผมได้ไปหาหมอ  หมอท่านคลำที่อัณฑะด้านซ้าย แล้วก็ให้ยาฆ่าเชื้อมากิน 2 อาทิตย์  แต่อาการยังไม่ดีขึ้น   เลยอยากสอบถามคุณหมอว่า อาการที่ผมเป็นมีโอกาสจะหายเองมั้ยครับ หรือผมเป็นโรคอะไร  พอที่จะแนะนำได้มั้ยครับ

     

    สวัสดีค่ะ คุณ Ozone Adisorn W,

                        อาการสั่นที่อัณฑะ โดยปกติ ไม่ใช่อาการที่มีนัยสำคัญที่บ่งบอกว่าจะเป็นโรคอะไรค่ะ อย่างไรก็ตาม หากมีอาการปวดหน่วงๆ ร่วมด้วย ก็อาจเกิดได้จากสาเหตุ เช่น 

                        1. ไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบ แต่อาการคือจะคลำพบก้อนที่อัณฑะ โดยเฉพาะเวลายืน นั่ง หรือไอ และจะยุบหายเวลานอนราบ โดยปกติจะไม่มีอาการเจ็บหรือปวด แต่อาจรู้สึกหน่วงๆ ได้ แต่หากเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้น คือกลายเป็นไส้เลื่อนชนิดติดคา ก็จะทำให้มีอาการเป็นก้อนบวมและปวดอย่างต่อเนื่องได้ 

                        2. อัณฑะอักเสบ ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคคางทูม หรือเชื้อแบคทีเรียที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม แต่อาการคือ ปวด เจ็บอัณฑะ อัณฑะบวมแดง เจ็บเวลาปัสสาวะหรือหลั่งน้ำอสุจิ น้ำอสุจิเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด มีหนองตรงปลายท่อปัสสาวะ เป็นต้น

                         3. การเกิดอุบัติเหตุกระแทกโดนอัณฑะ ซึ่งทำให้เนื้อเยื่อเกิดการบาดเจ็บฟกช้ำ และมีอาการปวดได้ 

                         ทั้งนี้ หากได้ไปพบแพทย์ และได้ทำการตรวจคลำดูแล้ว ไม่พบว่ามีก้อน ก็แสดงว่าไม่ใช่ไส้เลื่อน และหากได้ให้ยาฆ่าเชื้อมาทาน ก็แสดงว่าแพทย์ให้วินิจฉัยในเบื้องต้นว่าอาจเป็นอัณฑะอักเสบ แต่หากทานยาจนหมดแล้ว อาการยังไม่หายไป แต่ก็มีเพียงแค่อาการสั่น ไม่มีอาการปวด เจ็บ ปัสสาวะยังปกติดี ก็อาจสังเกตอาการไปก่อนได้ค่ะ ทั้งนี้ อาจเป็นได้ว่ามีความเครียด หรือวิตกกังวลอะไรอยู่ ร่างกายก็จะมีอาการผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ได้ หรือก็อาจเป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวของลูกอัณฑะตามการเคลื่อนไหวตัวก็ได้ค่ะ  แต่หากยังคงมีอาการปวดหน่วงอยู่อีก หรือมีอาการอื่นๆ เพิ่มมา ก็ควรกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจอีกครั้งค่ะ