อาการติดเชื้อในกระแสเลือดเกิดจากสาเหตุใด 2-3 วันแรก มีท้องเสีย วันนี้มีตัวร้อน เจ็บหัว

สวัสดีค่ะ คุณ Yo Jakkrawut,

                    ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด เกิดเมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง และเมื่อเชื้อมีความรุนแรง หรือระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายอ่อนแอ เชื้อโรคจะกระจายเข้าสู่กระแสเลือดได้ หรือในบางครั้งเชื้ออาจไม่ได้กระจายเข้าสู่กระแสเลือด แต่อาจปล่อยพิษเข้าสู่กระแสเลือดก็ได้

                    ซึ่งผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด จะมีอาการที่เกิดจากร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการติดเชื้อ ซึ่งเรียกว่า กลุ่มอาการตอบสนองต่อการอักเสบทั่วร่างกาย หรือ Systemic inflammatory response syndrome (SIRS)  ซึ่งจะมีอาการและอาการแสดงอย่างน้อย 2 อย่างขึ้นไป ได้แก่

                     - มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส หรือมีอุณหภูมิของร่างกายต่ำกว่า 36 องศาเซลเซียส

                     - หัวใจเต้นเร็วมากกว่า 90 ครั้งต่อนาที

                     - หายใจเร็วมากกว่า 20 ครั้งต่อนาที หรือวัดค่าความดันคาร์บอน ไดออกไซด์ในเลือดได้มากกว่า 32 มิลลิเมตรปรอท

                      - การตรวจเลือด พบมีเม็ดเลือดขาวมากกว่า 12,000 ตัวต่อมิลลิ ลิตร หรือน้อยกว่า 4,000 ตัวต่อมิลลิลิตร 

                       ดังนั้น หากยังไม่ได้มีอาการหรืออาการแสดงดังกล่าว 2 อย่างขึ้นไป และยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่ามีการติดเชื้อในร่างกายอยู่ เช่น ตรวจเลือดเพาะเชื้อพบเชื้อโรค เป็นต้น ก็ยังไม่สามารถให้การวินิจฉัยว่าเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดขึ้นค่ะ

                     สำหรับอาการท้องเสียที่เป็นมา 2-3 วัน และอาการตัวร้อน ปวดหัว ก็น่าจะเกิดจากการอาหารเป็นพิษหรือลำไส้อักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบบเฉียบพลัน ซึ่งอาการตัวร้อนที่เป็นอยู่ ก็เป็นการตอบสนองของร่างกายต่อการติดเชื้อ ไม่จำเป็นว่าต้องการติดเชื้อในกระแสเลือดขึ้น นอกจากนี้อาจเกิดจากการที่ร่างกายมีภาวะขาดน้ำอยู่ก็ได้ 

                    ในเบื้องต้น ก็ควรพยายามดื่มน้ำสะอาดให้มาก และดื่มน้ำเกลือแร่ร่วมด้วย ส่วนอาหาร พยายามเลือกทานอาหารอ่อน อาหารที่ย่อยง่าย รสจืด เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก แกงจืด หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ของทอด ของผัด และเนื้อสัตว์ เพราะย่อยยาก และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เพราะจะยิ่งทำให้ถ่ายมากขึ้น หากรู้สึกตัวร้อน ปวดหัว ก็ทานยาแก้ปวดบรรเทาอาการ เช่น พาราเซตามอล เป็นต้น แต่หากยังคงถ่ายอุจจาระปริมาณมาก หรือมีปวดท้องมาก หรือมีไข้ขึ้นสูง จึงควรรีบไปพบแพทย์ค่ะ