ถามแพทย์

  • มีตุ่มหนองที่อวัยวะเพศและแตกออกมีหนอง เป็นอะไร กินยาฆ่าเชื้ออยู่ ควรทานยาตัวไหน

  •  Nichy Madraw
    สมาชิก

    มีอาการเจ็บที่อวัยวะเพศหลังจากประจำเดือนหมดค่ะ เมื่อดูแล้วเห็นตุ่มหนองขุ่นขึ้นกระจายห่างกันประมาณ 3 ถึง 4 ตุ่มที่บริเวณ labia minora ด้านขวาข้างเดียว (ในบริเวณนี้มี1ตุ่มที่ใหญ่กว่าตุ่มอื่นและแตกมีหนองออกมา) และยังมีตุ่มที่บริเวณด้านบน ข้าง clitoris 1 ตุ่ม ลักษณะเป็นตุ่มหนองและแตกมีหนองออกมา ไม่มีอาการคันหรือปวด แต่มีอาการเจ็บเมื่อทำความสะอาดและแสบบริเวณที่หนองแตก มีอาการประมาณ4-5 วันแล้วค่ะ ตอนนี้รับประทานยาฆ่าเชื้อ dicloxacillin 500g เข้าไป 2 เม็ด และอยู่ในช่วงกินยาคุมกำเนิด 21 เม็ดค่ะ อยากทราบว่าเป็นโรคอะไรหรอคะ และหากไม่สามารถที่จะไปหาหมอได้ในช่วง1สัปดาห์นี้ ควรรับประทานยาตัวไหนไปก่อนเพื่อบรรเทาอาการดีคะ 

    สวัสดีค่ะ คุณ Nichy Madraw,

                           ตุ่มหนองที่บริเวณ labia minora และ clitoris อาจเป็น

                          1. เริมที่อวัยวะเพศ หากเป็นครั้งแรก จะเกิดจากการติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์ แต่หากเคยเป็นมาแล้ว ก็จะไม่ได้เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ แต่จะเกิดอาการเมื่อร่างกายอ่อนแอ โดยอาการเริ่มแรกจะมีตุ่มน้ำขึ้นมาก่อน โดยตุ่มอาจมีสีขุ่นคล้ายตุ่มหนอง และจะมีอาการแสบร้อนหรือเจ็บปวดร่วม ต่อมาตุ่มน้ำจะแตกและกลายเป็นแผล และมีน้ำเหลืองซึมได้ บางรายอาจมีไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตัว อ่อนเพลีย และอาจมีตกขาวที่ผิดปกติร่วมด้วย

                         2. ซิฟิลส เกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยระยะแรกจะมีตุ่มเล็กๆ เกิดขึ้น จากนั้นตุ่มจะแตกออกกลายเป็นแผล และจะขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นแผลกว้าง ขอบแผลเรียบยกนูนและแข็ง พื้นแผลมีสีแดงและดูสะอาด แผลจะไม่เจ็บไม่คัน ส่วนใหญ่มักจะมีเพียงแผลเดียว แต่อาจมีหลายแผลก็ได้ หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ จะมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตทั้ง 2 ข้าง กดไม่เจ็บ 

                        3. แผลริมอ่อน หรือซิฟิลิสเทียม เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่นกัน อาการจะเริ่มต้นจากการเป็นตุ่มนูน จากนั้นตุ่มนูนจะแตกออกกลายเป็นแผล มักมีหลายแผล ลักษณะของแผลจะดูแฉะไม่สะอาด มีเนื้อเยื่อเละ ๆ ที่ก้นแผล หากเป็น ในผู้ชายจะมีอาการเจ็บแผลมาก แต่ในผู้หญิงมักไม่ค่อยมีอาการเจ็บแผล และจะมีอาการตกขาวมาก มีกลิ่นเหม็น ต่อมาจะพบต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวมโตและอาจกลายเป็นฝีหนอง แตกออกเป็นแผลได้ 

                         4. การแพ้หรือระคายเคืองจากสารเคมีต่างๆ แต่มักจะเป็นตุ่มน้ำใส หรือตุ่มนูนแดงมากว่า และมักมีอาการคันร่วมด้วย 

                         5. เป็นโรคไข้ออกผื่นต่างๆ เช่น อีสุกอีใส เป็นต้น แต่ก็มักจะมีไข้นำมาก่อน รวมถุงมีผื่นขึ้นที่ผิวหนังบริเวณอื่นๆ ของร่างกายด้วย

                         6. การติดเชื้อแบคทีเรียที่เยื่อบุและผิวหนัง แต่จะมีอาการเจ็บและปวดร่วมด้วย ทั้งนี้ หากเกิดบริเวณที่มีขนอยู่ ก็จะเป็นรูขุมขนอักเสบได้ ซึ่งจะเห็นเป็นตุ่มแดง หรือมีหัวสีขาวดูคล้ายสิว ร่วมกับอาการเจ็บเล็กน้อย

                         หากที่ผ่านมา เคยมีเพศสัมพันธ์ แนะนำควรไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจและรักษาค่ะ ไม่อยากให้ปล่อยไว้ เพราะหากรอยโรคหายไป อาจตรวจยากว่าเป็นอะไรค่ะ

                         แต่หากไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนเลย ก็จะไม่ได้เกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ แต่อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียก็ได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การวินิจฉัยถูกต้อง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจค่ะ ไม่แนะนำให้ทานยาโดยยังไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร เพราะอาจได้รับยาไม่ตรงกับโรคค่ะ